สงครามยูเครน : ชายรัสเซียพยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ต้องไปรบให้ปูติน

_126804000_gettyimages-1243406984.jpg
  • โอเลเซีย เจอราซิเมนโก และ ลิซา โฟกต์
  • บีบีซี นิวส์ รัสเซีย
Man being detained by police officers

ที่มาของภาพ, Getty Images

สำหรับชายรัสเซียหลายคน การที่รัฐบาลประกาศระดมกำลังพลสำรอง 300,000 นาย เพื่อไปสู้รบในยูเครนเป็นเรื่องที่น่าตกใจ

ตามเมืองใหญ่ของรัสเซีย สงครามยูเครนที่ดำเนินมา 7 เดือนดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่ทันทีที่การประกาศเรื่องนี้ของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จบลง พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงผลกระทบจากสงครามครั้งนี้โดยตรง การถูกเรียกตัวไปสู้รบในสงครามอยู่ใกล้พวกเขากว่าที่คาดคิด

ห้องสนทนาของออฟฟิศต่าง ๆ เต็มไปด้วยข้อความที่กังวลใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ มีการพูดคุยและวางแผนถึงวิธีหลีกเลี่ยงการถูกส่งไปสู้รบในสมรภูมิยูเครน

“มันเหมือนกับหนังนิยายวิทยาศาสตร์จากยุค 1980 บอกตรง ๆ มันน่ากลัวเลยทีเดียว” ดมิทรี วัย 28 ปี พนักงานออฟฟิศแห่งหนึ่งในนครเซนต์ปีเตอส์เบิร์กกล่าว เขาเล่าว่าพนักงานที่นี่ไม่สามารถเริ่มทำงานได้ เพราะเฝ้าดูคำประกาศของผู้นำรัสเซียผ่านทางทีวี คอมพิวเตอร์ และหน้าจอโทรศัพท์มือถือ

ดมิทรี ขอลางานหลังจากพักเที่ยง แล้วรีบเอาเงินรูเบิลไปแลกเป็นเงินดอลลาร์ที่ธนาคารใกล้ ๆ

ก่อนหน้านี้ดมิทรีต้องย้ายบ้าน เพราะมีตำรวจมาหา หลังจากเขาไปร่วมการประท้วงต่อต้านการทำสงครามรุกรานยูเครน เขาเชื่อว่าตอนนี้ทางการน่าจะตามตัวเขาได้ยากขึ้น

“ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าจะทำอะไรต่อไป ขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ หรืออยู่ในรัสเซียต่อไปอีก แล้วถูกตำรวจตามไล่ล่าจากการไปประท้วงต่อต้านสงคราม”

เซอร์เกย์ (นามสมมุติ) ได้รับหมายเรียกตัวไปเกณฑ์ทหารแล้ว

เขาเป็นนักศึกษาปริญญาเอกวัย 26 ปี และเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของรัสเซีย

ในคืนก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีปูตินจะประกาศระดมกำลังพลสำรอง เขากำลังรอคนมาส่งอาหารที่บ้าน ทว่าเมื่อเปิดประตูออกไป เขากลับพบชายนอกเครื่องแบบ 2 คนที่ยื่นเอกสารของกองทัพ แล้วขอให้เขาเซ็นชื่อลงไป

บีบีซีได้รับสำเนาเอกสารดังกล่าว ซึ่งมีเนื้อหาขอให้เขาไปที่ศูนย์เกณฑ์ทหารในวันที่ 22 ก.ย.

Paper with text in Russian and official stamp

รัฐบาลรัสเซียระบุว่า คนที่ทางการจะเรียกตัวไปร่วมรบในสงครามครั้งนี้จะมีเฉพาะผู้ที่เคยผ่านการเกณฑ์ทหารมาแล้ว และมีทักษะพิเศษในการรบ แต่เซอร์เกย์บอกว่าเขาไม่เคยมีประสบการณ์ใด ๆ มาก่อนเลย และเรื่องนี้ก็สร้างความกังวลให้พ่อเลี้ยงเขาอย่างมาก เพราะการหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารถือเป็นความผิดอาญาในรัสเซีย

พ่อเลี้ยงของเซอร์เกย์ทำงานที่บริษัทน้ำมันของทางการรัสเซีย และไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น เขาก็ได้รับคำสั่งให้มอบรายชื่อพนักงานที่ได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหารตามกฎหมาย

ชายรัสเซียส่วนใหญ่ไม่ได้รับการยกเว้นในเรื่องนี้ และหลายคนพยายามหาทางหลีกเลี่ยงการถูกเรียกตัวไปรับใช้ชาติ

ในกรุงมอสโก วยาเชสลาฟ บอกว่าเขากับเพื่อน ๆ เริ่มมองหาคนรู้จักในแวดวงการแพทย์เพื่อให้ช่วยเรื่องนี้

“การรักษาปัญหาสุขภาพจิต หรือการติดยาดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดี ราคาถูก หรืออาจฟรี” เขาบอก

“ถ้าคุณเมาแล้วถูกจับขณะขับรถ คุณน่าจะถูกยึดใบขับขี่ และจะต้องเข้ารับการบำบัด แม้จะไม่แน่นอน แต่ก็หวังว่ามันจะช่วยให้ไม่ต้องถูกเอาตัวไป [เข้ากองทัพ] ได้”

พี่เขยของเขาก็รอดจากการถูกเรียกไปเกณฑ์ทหารอย่างหวุดหวิด เพราะไม่อยู่บ้านตอนที่เจ้าหน้าที่มาเรียกตัว แม่ของเขาเห็นเอกสารดังกล่าว ซึ่งเรียกให้เขาไปรายงานตัวระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย.นี้

“ตอนนี้เขาขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง และไม่ยอมออกมา” วยาเชสลาฟ เล่า “เขามีลูกเล็ก 2 คน อายุ 3 และ 1 ขวบ เขาควรจะทำยังไง”

ชายอีกคนจากเมืองคาลีนินกราดบอกกับบีบีซีว่า เขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร “ผมยอมหักแขนหักขาตัวเอง ผมจะยอมติดคุก อะไรก็ได้ที่จะไม่ต้องถูกเกณฑ์ทหาร”

ชาวรัสเซียหลายพันคนร่วมการประท้วงต่อต้านสงครามในเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศเมื่อคืนวันที่ 21 ก.ย. หลายคนบอกว่าพวกเขาได้รับแจกเอกสารเรียกตัวไปเกณฑ์ทหารทั้งบนท้องถนน และขณะอยู่ในการควบคุมตัวของตำรวจ

OVD-Info องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่ามีสถานีตำรวจในกรุงมอสโกถึง 10 แห่งที่แจกเอกสารเกณฑ์ทหารให้กลุ่มผู้ประท้วงสงคราม และมีชายอย่างน้อย 1 คนในกรุงมอสโกที่ปฏิเสธเซ็นชื่อในเอกสาร แล้วถูกตำรวจขู่จะดำเนินคดีอาญา

หญิงคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์องค์กรอิสระ Mediazona ว่า สามีของเธอถูกจับฐานร่วมการประท้วงสงครามในย่านใจกลางกรุงมอสโก โดยหลังจากถูกนำตัวไปยังสถานีตำรวจ เขาได้รับเอกสารเรียกตัวไปเกณฑ์ทหาร และเขาจำใจเซ็นชื่อลงไปในเอกสารนั้นเพราะถูกตำรวจถ่ายวิดีโอไว้ จากนั้นเขาก็ได้รับแจ้งให้เข้าร่วมการเกณฑ์ทหารในวันที่ 22 ก.ย.

มิคาอิล วัย 25 ปี ตัดสินใจออกจากรัสเซียไปยังประเทศจอร์เจียที่อยู่ติดกันตั้งแต่ช่วงต้นของสงครามยูเครน และเพิ่งเดินทางกลับบ้านในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาวางแผนจะกลับไปจอร์เจีย แต่ตอนนี้รู้สึกกังวลกับคำขู่เรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของประธานาธิบดีปูติน จึงตัดสินใจปักหลักอยู่ในรัสเซียเพื่ออยู่ใกล้ครอบครัวเขา

“พวกเราอยู่ในความตื่นตระหนก คนในเมืองของผมได้รับเอกสารเรียกตัวไปเป็นทหารหลายคน แต่ผมไม่มีชื่ออาศัยอยู่ที่นี่ก็เลยไม่ได้รับมัน”

แม้มิคาอิลจะมีงานที่ดีในเมืองหลวงจอร์เจีย แต่ตอนนี้เขามองว่ามันไม่มีความหมายอีกต่อไป เพราะการยกระดับปฏิบัติการทางทหารของวลาดิเมียร์ ปูติน

“ผมเลิกสนใจอะไรแล้ว ผมใช้ชีวิตอยู่เพื่อวันนี้เท่านั้น”

………


ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว