รัสเซีย ยูเครน : รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ เผยจีนพิจารณาส่งอาวุธช่วยรัสเซียถล่มยูเครน

 

Antony Blinken stepping off a plane

Getty Images

นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า จีนกำลังพิจารณาส่งอาวุธยุทธภัณฑ์ช่วยรัสเซียทำสงครามในยูเครน

นายบลิงเคนให้สัมภาษณ์กับซีบีเอสนิวส์ว่า ปัจจุบันบริษัทจีนได้ให้ “ความช่วยเหลือที่ไม่ใช่อาวุธสังหาร” ต่อรัสเซียอยู่แล้ว และข้อมูลใหม่บ่งชี้ว่า รัฐบาลจีนอาจให้ “ความช่วยเหลือด้านอาวุธสังหาร” ด้วย

เขาเตือนว่า การยกระดับความช่วยเหลืออาจทำให้จีนต้องเผชิญ “ผลลัพธ์ร้ายแรง” ตามมา

จีนปฏิเสธข่าวว่ารัฐบาลรัสเซียได้ร้องขอความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์

ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งเป็นพันธมิตรกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ไม่เคยประณามกรณีที่รัสเซียยกทัพรุกรานยูเครน แต่พยายามแสดงจุดยืนเป็นกลาง และเรียกร้องให้เกิดสันติภาพ

นายบลิงเคนให้สัมภาษณ์เรื่องนี้กับซีบีเอส เครือข่ายสถานีโทรทัศน์ของสหรัฐฯ หลังพบหารือกับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนในการประชุมด้านความมั่นคงมิวนิก (Munich Security Conference) เมื่อ 18 ก.พ.

นายบลิงเคนเผยว่า ระหว่างการพบปะดังกล่าว เขาได้แสดง “ความวิตกอย่างยิ่ง” เกี่ยวกับ “ความเป็นไปได้ที่จีนจะส่งวัสดุร้ายแรงไปช่วยรัสเซีย”

“ในปัจจุบัน เราได้เห็นบริษัทจีน…ให้ความช่วยเหลือที่ไม่ใช่อาวุธสังหารแก่รัสเซียเพื่อใช้ในยูเครน ความกังวลที่เรามีในปัจจุบันมาจากข้อมูลที่เราได้รับว่าพวกเขากำลังพิจารณาให้ ความช่วยเหลือด้านอาวุธสังหาร” รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายบลิงเคนไม่ได้เปิดเผยชัดเจนว่าสหรัฐฯ ได้รับข้อมูลอะไรเกี่ยวกับแผนการของจีน และเมื่อถูกจี้ถามว่าสหรัฐฯ เชื่อว่าจีนจะส่งอะไรไปช่วยรัสเซีย นายบลิงเคนระบุว่า ส่วนใหญ่คืออาวุธและเครื่องกระสุน

Chinese foreign affairs Minister Wang Yi

Getty Images
นายหวัง อี้ ยืนยันว่าจีน “ไม่ได้นิ่งเฉย หรือราดน้ำมันใส่กองไฟ” ในกรณีสงครามยูเครน

ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรบริษัทจีนรายหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าส่งภาพถ่ายดาวเทียมของยูเครนให้กลุ่มทหารรับจ้างแวกเนอร์ (Wagner) ซึ่งช่วยรัสเซียรบกับยูเครน

นายบลิงเคนกล่าวกับซีบีเอสว่า “แน่นอนว่าในจีน แทบไม่มีความแตกต่างระหว่างบริษัทเอกชนกับรัฐ”

เขาชี้ว่า หากจีนให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธแก่รัสเซียก็จะ “ก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงในความสัมพันธ์กับเรา”

ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เลวร้ายลงหลังจากทางการสหรัฐฯ ยิงบอลลูนของจีนที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ในการสอดแนมตกลงทะเลเมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ. ทั้งสองฝ่ายต่างตอบโต้กรณีที่เกิดขึ้นอย่างเผ็ดร้อน แต่ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนจะขายหน้ากับเรื่องดังกล่าวและพร้อมจะปล่อยวางและเดินหน้าต่อไป

แต่หากจีนจะส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ไปช่วยรัสเซียจริง ก็จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ เลวร้ายลงอีก

ชัดเจนว่าคำเตือนของนายบลิงเคนมีขึ้นเพื่อป้องปรามไม่ให้จีนทำเช่นนั้น

นอกจากนี้ นายบลิงเคนยังเผยว่า สหรัฐฯ มีความกังวลเรื่องที่จีนช่วยรัสเซียหลบเลี่ยงการถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพื่อตอบโต้การรุกรานยูเครน เพราะช่วงที่ผ่านมา การค้าระหว่างจีนกับรัสเซียขยายตัวขึ้น โดยจีนกลายเป็นหนึ่งในผู้ซื้อน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย

นับแต่สงครามปะทุขึ้น ชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ ได้ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์นานาชนิดให้แก่ยูเครน เช่น รถถัง แต่ไม่ยอมส่งเครื่องบินขับไล่ให้ ซึ่งนายบลิงเคนไม่ได้ฟันธงว่าสหรัฐฯ จะช่วยประเทศอื่นจัดหาเครื่องบินรบให้ยูเครนหรือไม่

อย่างไรก็ตามเขาระบุว่า ชาติตะวันตกต้องทำให้แน่ใจว่ายูเครนจะมีอาวุธที่จำเป็นต้องใช้ในการต่อสู้กับรัสเซีย “ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า” ปัจจุบันรัสเซียพยายามรุกคืบสู่ภูมิภาคทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งเป็นสมรภูมิที่กำลังสู้รบกันอย่างดุเดือด

ด้านนายหวัง ให้สัมภาษณ์กับสื่อที่นครมิวนิก เมื่อ 18 ก.พ. ว่าจีน “ไม่ได้นิ่งเฉย หรือราดน้ำมันใส่กองไฟ” ในกรณีสงครามยูเครน

รมว.ต่างประเทศจีน ระบุว่า จีนจะออกเอกสารที่แสดงจุดยืนของประเทศต่อสงครามครั้งนี้ โดยจะระบุว่า บูรณภาพแห่งดินแดนของทุกประเทศจะต้องได้รับความเคารพ

“ผมแนะนำว่าทุกฝ่ายควรคิดอย่างสุขุม โดยเฉพาะสหายในยุโรปเกี่ยวกับความพยายามที่จะยุติสงครามนี้” เขากล่าว

นอกจากนี้ นายหวังระบุว่า “กองทัพบางฝ่ายดูเหมือนจะไม่ต้องการให้การเจรจาประสบความสำเร็จ หรือให้สงครามยุติโดยเร็ว” แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเขาหมายถึงฝ่ายใด

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างนายอันโตนิโอ ทันยานี รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลีที่เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีสี มีกำหนดกล่าว “สุนทรพจน์สันติภาพ” เนื่องในวาระครบรอบ 1 ปีที่รัสเซียยกทัพรุกรานยูเครนในวันที่ 24 ก.พ.นี้

นายทันยานี ระบุว่า สุนทรพจน์ของนายสีจะเรียกร้องให้เกิดสันติภาพ โดยไม่ประณามการกระทำของรัสเซีย

หมายเหตุ : ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว