กรณ์ พรรคกล้า สุวัจน์ ชาติพัฒนา เซตพรรคใหม่สู้เลือกตั้ง เป้า ส.ส. 60 ที่นั่ง

กรณ์+สุวัจน์ ตั้งพรรคใหม่

กรณ์ พรรคกล้า ร่วมงาน สุวัจน์ ประธานพรรคชาติพัฒนา เซตพรรคใหม่ สู้เลือกตั้งครั้งหน้า กอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ เคลียร์เก้าอี้ ประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ตั้งเป้า ส.ส. 60 ที่นั่ง เท่ายุคสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้าพรรค

วันที่ 2 กันยายน 2565 ที่บ้านพักนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา ถนนราชวิถี 20 นายกรณ์ จาติกวณิช นายสุวัจน์ ร่วมกันแถลงข่าวจับมือทางการเมืองและปฏิเสธกระแสข่าวรวมพรรคกล้ากับพรรคชาติพัฒนา แต่เป็นการเชิญนายกรณ์มาร่วมกันทำงาน แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศ โดยกล่าวว่านายกรณ์ เป็นมืออาชีพด้านเศรษฐกิจ และเมื่อถามถึงตำแหน่งและสถานะของนายกรณ์ นายสุวัจน์ย้ำว่าให้เป็นเรื่องของกระบวนการทางกฎหมายและระยะเวลาที่วันนี้ยังไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก โดยหัวหน้าพรรคจะเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนาในสัปดาห์หน้าเพื่อเตรียมประชุมใหญ่รองรับการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างบริหารพรรคต่อไป

นายสุวัจน์กล่าวว่า ขณะนี้พรรคการเมืองทุกพรรคต้องเตรียมพร้อมรับการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมาถึง ครบเทอมของสภาประมาณเดือนมีนาคม 2566 ระยะเวลาก็ใกล้เข้ามาแล้ว เหลือ 6-7 เดือน ดังนั้น พรรคชาติพัฒนาก็ต้องเตรียมพร้อมในเรื่องของการเลือกตั้ง ทั้งทางด้านนโยบาย ตัวผู้สมัคร และบุคลากรต่าง ๆ

“ในการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีความสำคัญในการแก้ปัญหาของประเทศ ผมก็อยู่การเมืองมาเกือบ 35 ปีแล้วนะครับ ก็มองประเทศชาติของเราว่า วันนี้วิกฤตที่สุดตลอดระยะเวลาที่ผมทำงานการเมืองมา ปัญหาที่รุมเร้า โดยเฉพาะเศรษฐกิจ ซึ่งผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจที่รุนแรงมาก ๆ เกิดขึ้นจากสถานการณ์โควิดและสงคราม เศรษฐกิจถดถอย สถานการณ์เศรษฐกิจบ่งบอกว่า หนักมาก สำหรับ 30 กว่าปีทางการเมืองที่ผมอยู่มาถึงวันนี้ ผมเห็นว่า วิกฤตจริง ๆ” นายสุวัจน์กล่าว

ชู กรณ์ กอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ

นายสุวัจน์กล่าวว่า ประเทศไทยถูกเรียกว่าเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย เรียกว่าเศรษฐกิจยุคทอง มองย้อนอดีตเห็นความรุ่งเรือง มองปัจจุบันเป็นวิกฤตที่เกิดขึ้น เป็นภาระหน้าที่ของพรรคชาติพัฒนาในฐานะเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีส่วนสำคัญในการเข้ามากอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศในครั้งนี้

“ฉะนั้นเป็นเรื่องที่พรรคชาติพัฒนาต้องดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและมีมืออาชีพทางด้านเศรษฐกิจในการทำงานร่วมกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการแก้ปัญหา มาจับมือกัน มารวมพลังกัน กอบกู้วิกฤตของชาติในครั้งปี และผมคิดว่า มือเศรษฐกิจ ทีมเศรษฐกิจที่สำคัญวันนี้ จะต้องเข้าใจพื้นฐานของเศรษฐกิจรากหญ้า และจะต้องเข้าใจพื้นฐานเศรษฐกิจภาพรวม เศรษฐกิจมหภาค ในเรื่องของโครงสร้าง ภาระหนี้สินต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ที่สำคัญที่สุด ผมว่ามือเศรษฐกิจวันนี้ จะต้องมีความเป็นอินเตอร์ มีความเป็นสากลที่เข้าใจโลก เพราะวันนี้บริบทของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ที่จะมีผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ”

นายสุวัจน์กล่าวว่า พรรคชาติไทยได้ปรึกษากันว่าใครที่มีความเหมาะสมที่จะเข้ามากอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ และมาทำงานร่วมกัน เราก็คิดถึงนายกรณ์ เพราะเป็นผู้ประสบการณ์ทางด้านเศรษฐกิจโดยตรง เคยเป็นรัฐมนตรีคลังปี 2551-2554 ช่วงนั้นมีวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ด้วยประสบการณ์ของนายกรณ์ที่ทำงานภาคเอกชน ภาคการเงิน ภาคการคลัง และได้เป็นรัฐมนตรีคลังของโลก รัฐมนตรีคลังของเอเชีย สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับในระดับสากลของการเป็นมืออาชีพ ในการเป็นรัฐมนตรีคลังในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และได้พิสูจน์ผลงานให้เห็นชัดเจน ขณะเดียวกัน มืออาชีพด้านเศรษฐกิจก็ต้องเข้าใจปัญหาพื้นฐานชีวิตของประชาชนในระดับรากหญ้า นายกรณ์มีประสบการณ์เป็น ส.ส.ในพื้นที่ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง สำคัญมาก

“ท่านกรณ์เป็นนักเรียนนอก มีความเป็นอินเตอร์ เรียนจบมาทางด้านปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์การเงินจากมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่างออกซฟอร์ดถือว่าเป็นหน้าเป็นตา มีความเป็นสากล เรามีความเชื่อมั่นว่า ท่านกรณ์จะเป็นผู้ที่จะมาแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจโดยร่วมกันทำงานกับพรรคชาติพัฒนา พรรคชาติพัฒนาอยากเรียนเชิญท่านกรณ์ ท่านเป็นความหวังที่จะรอกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศ อยากเรียนเชิญท่านมาจับมือกัน รวมพลังกันในการแก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติบ้านเมืองในวันนี้” นายสุวัจนน์กล่าว

นายสุวัจน์กล่าวว่า วันนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีของการมีส่วนผสมที่ลงตัวทางการเมือง มีทีมเวิร์กที่แข็งแกร่ง เป็นการผสมผสานความเป็นมืออาชีพ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งทางด้านการเมืองเข้าไว้ด้วยกัน ฉะนั้น ตนคิดว่า ตนมีความมั่นใจว่า ด้วยทีมเวิร์ก ด้วยความเป็นมืออาชีพทางด้านเศรษฐกิจของนายกรณ์ที่จะมาร่วมทำงานกับพรรคชาติพัฒนา บวกกับความเป็นพรรคการเมืองที่มีประสบการณ์มาแต่อดีตและเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานการเมืองด้วยความไม่ขัดแย้ง ประนีประนอมจะทำให้เกิดความแข็งแกร่ง ทีมเวิร์กที่ดีทางการเมืองที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน

เบื้องหลัง “กรณ์” จับมือ “สุวัจน์”

ด้านนายกรณ์กล่าวว่า “ผมมองว่า สถานการณ์การบ้านเมืองและเศรษฐกิจปัจจุบัน และในสภาวะที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สำคัญมากสำหรับทุกองค์กร โดยเฉพาะพรรคการเมือง ต้องมีความชัดเจนในแง่ของหลักการและเป้าหมาย แต่ต้องมีความยืดหยุ่นในเส้นทางที่จะไปสู่เป้าหมายนั้น เป้าหมายของตนในฐานะนักการเมือง ทำงานการเมืองมา 10 กว่าปี ไม่เคยเปลี่ยน คือต้องการจะช่วยให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี ช่วยแก้ปัญหาโดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ช่วยแก้ปัญหาปากท้องให้เขาได้ ส่วนสร้างโอกาศและความหวังของคนรุ่นใหม่ ช่วยสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนทุกคน เป็นเป้าหมายที่ไม่เคยเปลี่ยน”

“เราได้คุยกัน และการตัดสินใจในส่วนของผมที่จะจับมือกับพี่สุวัจน์ เป็นการตัดสินใจที่ง่ายมาก เพราะผมมีคำถามเดียวที่ถามกับตัวเอง คือ เราจับมือกันแล้วจะทำให้เราทั้งสองคนมีโอกาสช่วยพี่น้องประชาชนตามเป้าหมายที่เราทั้งคู่ได้มากขึ้นหรือไม่ ซึ่งคำตอบชัดเจน จับมือกันแล้ว โอกาสที่จะขับเคลื่อนแนวความคิด นโยบายของเราให้เป็นสิ่งที่ประชาชนจับต้องมันมีเพิ่มมากยิ่งขึ้นแน่นอน เพราะฉะนั้นการตัดสินใจที่ง่ายมาก มองกลับกันถ้าจับมือกันแล้ว ประชาชนได้ประโยชน์จะไม่จับมือกันได้อย่างไร เมื่อตัดสินใจแล้ว เรื่องอื่นเป็นเรื่องรายละเอียด ซึ่งทั้งสองคนจะดำเนินการกันต่อไป จากนี้ไปจะเป็นการร่วมมืออย่างใกล้ชิด” นายกรณ์กล่าว

นายสุวัจน์กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนาต้องการมือเศรษฐกิจ ต้องการผู้ที่จะมาร่วมทำงานกับพรรค จึงได้เรียนเชิญนายกรณ์ มาร่วมทำงานกับพรรค

“ส่วนขั้นตอน อะไรที่เกี่ยวกับท่านกรณ์นั้น ก็เป็นแนวทางที่ท่านกรณ์จะต้องไปดำเนินการ” นายสุวัจน์กล่าว

นายกรณ์กล่าวว่า ขั้นตอนและเงื่อนไขทางกฎหมายค่อนข้างชัดเจนในการกำกับพรรคการเมือง เพราะฉะนั้น ตนกับพี่สุวัจน์จับมือกันวันนี้ คือ เรารวมพลังทำงานด้วยกัน ส่วนขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวกับพรรคการเมือง คงต้องรอให้เป็นไปตามขั้นตอน

“ผมก็ต้องระมัดระวังในการที่จะลงในรายละเอียดของการให้คำตอบ (นักข่าว) เพราะมีประเด็นทางกฎหมาย แต่ว่า สาระสำคัญ คือ ผมมาจับมือกับพี่สุวัจน์ เพราะมองว่า ประเด็นปัญหาบ้านเมือง ปัญหาเศรษฐกิจเราร่วมมือกันจะบรรลุผลตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนมากกว่าต่างคนต่างทำ เพราะฉะนั้นผมก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับพี่สุวัจน์ที่จะให้ความร่วมมือกับผมอย่างเต็มที่ ที่จะตอบสนองความต้องการของประชาชนในสภาวะที่ถือว่าเป็นวิกฤตในปัจจุบัน” นายกรณ์กล่าว

พรรคกล้ายังอยู่-ปัดควบรวม

นายกรณ์กล่าวว่า ในส่วนของตน อยากจะบอกว่า เราจะร่วมมือกันในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ส่วนขั้นตอนว่า สุดท้ายแล้ว รูปร่างหน้าตาจะเป็นอย่างไร ผมคิดว่ามันมีขั้นตอนตามกฎหมาย เราก็จะเดินตามนั้น มันก็จะปรากฎความชัดเจนเอง ที่สำคัญ คือ เราร่วมมือกัน ตนกับพี่สุวัจน์ร่วมมือกัน 100% ไม่มีส่วนไหน ในทุก ๆ เรื่องที่เราจะทำในการขับเคลื่อนความคิดของเราเพื่อที่จะตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนเราทำด้วยกัน

“วันนี้ผมมาในฐานะ นายกรณ์ จาติกวณิช ที่มาปรึกษาหารือพูดคุยกับพี่สุวัจน์มาระยะหนึ่งและก็ได้ตกลงใจว่า เราจะทำงานร่วมกัน ส่วนพรรคกล้าก็เป็นเรื่องของพรรคกล้า ที่เขาจะมีกระบวนการพิจารณาว่า จะอย่างไรต่อไป ซึ่งขั้นตอนทางกฎหมายมันจะเป็นตัวกำกับว่า เราจะทำอย่างไร ซึ่งผมเองกับพรรคพวกที่พรรคกล้าก็พูดคุยกันมาโดยตลอดในเรื่องของเจตนา ความตั้งใจ ยุทธศาสตร์การเดิน ซึ่งผมเห็นตรงกันกับทุกคนและทุกคนเห็นตรงกันกับผมว่า เราควรที่จะเดินในยุทธศาสตร์ไหน และในส่วนของผม ผมตัดสินใจตรงนี้ ที่ผมคุยมา ทุกคนก็เห็นตรงกัน และขั้นตอนในการนำไปสู่รูปแบบที่จะต่อสู้หรือแข่งขัน หรือเสนอตนให้กับประชาชนในการเลือกตั้งก็คงจะมีการดำเนินการอย่างต่อไป”

นายกรณ์กล่าวตอบคำถามที่ว่า ขณะนี้ลาออกจากพรรคกล้าหรือยัง ว่า ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ตนไม่อยากตอบอะไรที่จะทำให้มีความรู้สึกว่าชัดเจนกว่านี้ แต่ตนคิดว่า ชัดเจนที่สุด คือ การจับมือและร่วมมือกันทำงาน ถ้าไปดูประเด็นรายละเอียดของตัวกฎหมายข้อบังคับที่เป็นกฎหมายพรรคการเมืองจะเข้าใจทันทีว่า สิ่งที่ตนพูด ตนกำลังพูดว่าอะไร และสิ่งที่ตนยังไม่ได้พูดเป็นเพราะอะไร แต่ผลสรุปสุดท้ายจะมีความชัดเจนว่า เราร่วมมือกัน

“ณ วันนี้ ในส่วนของผม เราต้องเตรียมเข้าสู่รูปแบบการทำงานร่วมกันตามกฎหมายในอนาคต ซึ่งเป็นขั้นตอนที่อยู่ในช่วงของการดำเนินการ” นายกรณ์กล่าวว่า

นายกรณ์ตอบเลี่ยงคำถามที่ว่า ตอนนี้ยังเป็นสมาชิกพรรคกล้าอยู่หรือไม่ ว่า ประเด็นที่สำคัญ คือ เราจะร่วมมือกันในอนาคตต่อไป และพรรคกล้ายังอยู่

“ผมมาในวันนี้ ในฐานะนายกรณ์ จาติกวณิช ผมจะขอพูดในส่วนของผม ในฐานะนายกรณ์ จาติกวณิช ว่า ในอนาคตผมจะร่วมมือในการทำงานการเมืองกับพี่สุวัจน์ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับพรรค เดี๋ยวเราดำเนินการในส่วนของพรรค ค่อยมาว่ากัน” นายกรณ์กล่าว

นายกรณ์กล่าวว่า ส่วนกติกาเลือกตั้งหาร 100 หรือ หาร 500 ไม่มีส่วนในการตัดสินใจ

นายสุวัจน์กล่าวเสริมว่า ไม่ใช่เป็นการรวมพรรค พรรคชาติพัฒนาเชิญนายกรณ์มาร่วมงาน ฉะนั้นขั้นตอนอะไรต่อไปที่เป็นเรื่องของนายกรณ์ นายกรณ์จะดำเนินการให้ครบถ้วน ถูกต้อง ขอย้ำว่า ไม่ใช่เป็นการรวมพรรค พรรคชาติพัฒนายังอยู่

“ปัญหาอย่างหนึ่งของพรรคชาติพัฒนา คือ ชื่อพรรค เป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่ต้องคิดเหมือนกันเรื่องชื่อพรรค” นายสุวัจน์กล่าวหลังจากนักข่าวเรียกชื่อพรรคชาติพัฒนาผิดเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา

คลียร์เก้าอี้ประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ

นายสุวัจน์กล่าวถึงตำแหน่งในพรรคชาติพัฒนาที่จะเตรียมไว้ให้นายกรณ์ ว่า ขณะนี้กำลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง พรรคชาติพัฒนาเองก็ต้องปรับปรุงตัวบุคคล ซึ่งขณะนี้มีกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ลาออกไป 7 คน จึงต้องมีการประชุมใหญ่เพื่อแต่งตั้ง และเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมาได้มีการแก้ไขข้อบังคับพรรคชาติพัฒนาและกำหนดโครงสร้างพรรคใหม่ ซึ่งยังไม่ได้แต่งตั้งประธานยุทธศาสตร์ 4 ตำแหน่ง ได้แก่ ประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง ประธานยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง และประธานยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยี ดังนั้นหัวหน้าพรรคจะได้ใช้โอกาสนี้นัดประชุมใหม่ กก.บห.เพื่อปรับปรุง ปรับโครงสร้าง จัดสรรตัวบุคคลกรเพื่อให้สมาชิกพรรคเห็นชอบต่อไป

“ด้วยความรู้ ความสามารถ ด้วยภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่จะต้องกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจที่ได้เชิญท่านกรณ์มา ผมเชื่อว่า สมาชิกพรรคชาติพัฒนาส่วนใหญ่เห็นความสำคัญในบทบาทหน้าที่นี้ ส่วนท่านกรณ์จะดำรงตำแหน่งอะไรอย่างไรในพรรค เมื่อท่านกรณ์ตัดสินใจอย่างไรต่อไป วันนี้ยังตอบไม่ได้ แต่ต้องเป็นตำแหน่งที่มีบทบาทหน้าที่ที่ทำให้เกิดความมั่นใจ ถึงได้เรียนเชิญท่านมากอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ” นายสุวัจน์กล่าว

นายสุวัจน์กล่าวว่า ส่วนโอกาสที่นายกรณ์ จะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคชาติพัฒนานั้น

“ผมว่า วันนี้พรรคชาติพัฒนาไม่ได้มองไปถึงจุดนั้น ยังไม่ได้พูดอะไรไปถึงจุดนั้น เพราะวันนี้ขอตอบเพียงว่า เชิญท่านกรณ์มากู้วิกฤตเศรษฐกิจ มาร่วมมือกับผม มาร่วมมือกับพรรคชาติพัฒนา จับมือกัน รวมพลังกันแก้ปัญหาให้ประเทศ ส่วนตำแหน่งอะไรในอนาคตก็ว่ากันอีกที เป็นไปตามจังหวะทางการเมือง เป็นไปตามจังหวะปฏิทินทางการเมืองที่เกี่ยวข้อง”

เซตพรรคใหม่สู้เลือกตั้ง ตั้งเป้า 60 ที่นั่ง

นายสุวัจน์กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการเชิญและเปิดตัวทีมเศรษฐกิจ รวมพลังกันแก้ปัญหาประเทศ พรรคชาติพัฒนาเปิดกว้าง เรายินดีต้อนรับ เชิญนายกรณ์มาแล้ว ต่อไปก็คงจะมีบทบาทที่เกี่ยวข้องทางการเมืองกับพรรคชาติพัฒนาไปตามลำดับ วันนี้ตนไม่สามารถบอกได้ว่า คาดหวังการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้เท่าไหร่ แต่ตนอยากเห็นบทบาทของพรรคชาติพัฒนากลับมาเหมือนเดิม จุดเดิม เป็นพรรคใหญ่ เป็นพรรคทางเลือกให้กับประชาชน เป็นพรรคที่เป็นทางออกให้กับประเทศ เป็นพรรคที่จะมีบทบาทในการลดความขัดแย้ง สร้างความเป็นปึกแผ่น สร้างเสถียรภาพทางการเมืองให้เกิดขึ้น เพื่อให้การเมืองของประเทศสามารถรวมพลังกันไปกู้วิกฤตเศรษฐกิจได้

“ผมมองย้อนอดีตไป ผมจำได้เลยว่า ตอนตั้งพรรคชาติพัฒนา ปี 2535 ก็ 30 ปี วันนั้น ท่าน พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้าพรรค ตั้งพรรคชาติพัฒนา 60 วัน ได้ (ส.ส.) 60 คน ถือว่าเป็นพรรคใหญ่ในยุคนั้น” นายสุวัจน์กล่าว

นายสุวัจน์กล่าวว่า พรรคการเมืองก็ต้องมียุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งเพื่อให้ได้ชัยชนะ เมื่อกติกาเปลี่ยนก็ต้องไปปรับกลยุทธ์ภายในขอแต่ละพรรค ถ้าเรายังอยู่กับยุทธศาสตร์เดิม แต่ยุทธศาสตร์เปลี่ยนไปแล้ว เราก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ทุกพรรคก็ต้องไปปรับยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับกติกาและความต้องการของสังคม

“วันนี้ การที่พรรคชาติพัฒนาเชิญท่านกรณ์มา ก็ถือว่าเป็นการปรับยุทธศาสตร์ของพรรคให้เหมาะสมกับความต้องการของพี่น้องประชาชน คือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ถือว่าเป็นยุทธศาสตร์อย่างหนึ่งของพรรคชาติพัฒนา ไม่ว่ากติการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ขอให้เป็นกติกาที่เป็นธรรมและนำไปสู่การเลือกตั้งที่ทุกคนยอมรับ เพื่อให้การเมืองไม่เดดล็อก” นายสุวัจน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากจบการแถลงข่าวนายสุวัจน์ได้เชิญนายกรณ์ถ่ายภาพขณะจับมือและกล่าวว่า “จับมือกันรวมพลังกู้วิกฤต”

ทั้งนี้ เป็นไปได้ว่า จะลงเลือกตั้งในนามพรรคชาติพัฒนา หรือจัดตั้งชื่อพรรคการเมืองใหม่ ในการสู้ศึกเลือกตั้ง 2566

ปฏิทินการเมือง พรรคกล้า-พรรคชาติพัฒนา

  • 2 กันยายน 2565 สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เปิดบ้าน รับ กรณ์ จาติกวณิช เป็นทีมเศรษฐกิจ
  • 6 กันยายน 2565 พรรคชาติพัฒนา ประชุมกรรมการบริหารพรรค เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่
  • สัปดาห์ถัดไป พรรคชาติพัฒนา จัดประชุมใหญ่สมาชิกพรรค จัดโครงสร้างพรรคใหม่
  • พรรคกล้า จัดการตามขั้นตอนกฎหมายพรรคการเมือง
  • พรรคชาติพัฒนา จัดการตามขั้นตอนกฎหมายพรรคการเมือง
  • ข้อตกลงเรื่อง ชื่อพรรคใหม่ กรรมการบริหารพรรคใหม่ โดยมีชื่อให้เลือก 3 ชื่อ คือ กล้าพัฒนาชาติ,กล้าพัฒนา,ชาติพัฒนากล้า
  • คาดว่าทุกขั้นตอนจะจบ ภายในวันที่ 24 กันยายน 2565
  • หลังจากวันที่ 24 กันยายน 2565 อีก 6 เดือนหรือ 180 วัน สภาผู้แทนราษฎรหมดวาระ การลาออก ของ ส.ส.ไม่ต้องมีการเลือกตั้งซ่อม เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 105

ยังควบรวมไม่ได้ติดล็อกรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ สาเหตุที่พรรคชาติพัฒนา และพรรคกล้า ไม่สามารถควบรวมกันได้ในขณะนี้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 99 บัญญัติว่า อายุของสภาผู้แทนราษฎรมีกําหนดคราวละสี่ปีนับแต่วันเลือกตั้ง “ในระหว่างอายุของสภาผู้แทนราษฎร จะมีการควบรวมพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรมิได้”

ทั้งนี้ อายุของสภาผู้แทนราษฎรจะครบในวันที่ 24 มีนาคม 2566

ประกอบกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 96 มาตรา 97 มาตรา 98 ยังกำหนดไว้ว่าการควบรวมพรรคการเมือง นอกจากไม่สามารถทำได้ในระหว่างอายุของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ควบรวมพรรคได้ในกรณีรวมกันเพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่เท่านั้น

ทั้งนี้ มาตรา 96 ในระหว่างอายุของสภาผู้แทนราษฎร จะมีการควบรวมพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมิได้

มาตรา 97 การควบรวมพรรคการเมืองให้กระทําได้เฉพาะเป็นการรวมกันเพื่อจัดตั้ง เป็นพรรคการเมืองใหม่

มาตรา 98 ในการควบรวมพรรคการเมือง ให้พรรคการเมืองที่จะรวมกัน ขอความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ของแต่ละพรรคการเมือง

เมื่อที่ประชุมใหญ่ของแต่ละพรรคการเมืองเห็นชอบให้รวมกันแล้ว ให้หัวหน้าพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรคการเมืองจํานวนพรรคการเมืองละ 10 คน ประชุมร่วมกันเพื่อดําเนินการ ร่างข้อบังคับของพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่

เมื่อได้ดําเนินการตามวรรคสองแล้ว ให้ดําเนินการจัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิก ของทุกพรรคการเมืองที่จะรวมกัน เพื่อประชุมตั้งพรรคการเมืองตามมาตรา 10 และดําเนินการขอ จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองตามมาตรา 11 การเรียกประชุมตั้งพรรคการเมืองต้องแจ้งให้สมาชิก ของพรรคการเมืองที่จะรวมกันทราบก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวันและให้ดําเนินการต่อไป ตามบทบัญญัติว่าด้วยการจัดตั้งพรรคการเมือง (เป็นขั้นตอนการตั้งพรรคใหม่)