ธนาคารกลางรัสเซียเตรียมอนุญาตให้ใช้คริปโตเคอร์เรนซีชำระเงินระหว่างประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้ รัสเซียห้ามการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลชำระเงินในประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากชาติตะวันตก
วันที่ 5 กันยายน 2565 คอยน์เทเลกราฟ รายงานว่า ธนาคารกลางรัสเซียทบทวนแนวทางการควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโตเคอร์เรนซีอีกครั้ง พร้อมทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลัง เพื่ออนุญาตให้ชำระเงินระหว่างประเทศด้วยคริปโต เป็นสิ่งถูกกฎหมาย
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- กองทุนประกัน อนุมัติจ่ายเงิน 7.29 พันล้าน มี.ค.-เม.ย. รับรองมูลหนี้เพิ่ม 560 ล้าน
คอยน์เทเลกราฟ อ้างอิงรายงานข่าวของสำนักข่าว TASS ซึ่งเป็นหน่วยงานข่าวในรัสเซียและมีรัฐบาลกำกับดูแล
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อธนาคารกลางรัสเซียรายงานว่า การใช้คริปโตชำระเงินระหว่างประเทศเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ในสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน
ขณะที่ อเล็กซี่ มอย์ซีฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ธนาคารกลางรัสเซียและกระทรวงการคลังคาดว่าจะทำให้การชำระเงินข้ามพรมแดนเป็นสกุลเงินดิจิทัลในเร็ว ๆ นี้ พร้อมกับย้ำถึงความสำคัญของการเปิดใช้งานบริการคริปโตในรัสเซีย โดยสังเกตว่าชาวรัสเซียจำนวนมากพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างประเทศ เพื่อเปิดกระเป๋าเงินคริปโต
“จำเป็นต้องทำเช่นนี้ในรัสเซีย ซึ่งเกี่ยวข้องกับหน่วยงานภายใต้การดูแลของธนาคารกลาง ซึ่งมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามการต่อต้านการฟอกเงิน และมาตรฐานเรื่องข้อมูลลูกค้า” เจ้าหน้าที่กล่าว
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายนิติบัญญัติของรัสเซียต่อต้านแนวคิดใช้คริปโตชำระเงิน โดยเมื่อปี 2563 รัสเซียได้นำกฎหมายการเข้ารหัสลับที่สำคัญ “เกี่ยวกับสินทรัพย์ทางการเงินดิจิทัล” ซึ่งห้ามการใช้คริปโต เช่น บิตคอยน์เพื่อวัตถุประสงค์ในการชำระเงิน
ขณะที่ธนาคารกลางรัสเซียมีความสงสัยเกี่ยวกับแนวคิดของการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัล เพราะต้องการปกป้องรูเบิลรัสเซีย ในฐานะสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงแหล่งเดียวในประเทศ
แนวคิดของการชำระเงินด้วยการเข้ารหัสลับสำหรับการค้าระดับประเทศในรัสเซียเริ่มขึ้นในปลายปี 2564 จากนั้น วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียก็กล่าวว่า “ยังเร็วเกินไป” ที่จะใช้คริปโตเพื่อการค้าแหล่งพลังงาน เช่นน้ำมันและก๊าซ
จากคัดค้านสู่การยอมรับในสถานการณ์ไม่ปกติ
อย่างไรก็ดี เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปท่ามกลางการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากประเทศตะวันตก หลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
ในเดือนพฤษภาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้ารัสเซีย ประกาศว่ารัสเซียจะทำให้การชำระเงินด้วยคริปโตถูกกฎหมาย “ไม่ช้าก็เร็ว”
เอลวิรา นาบิวลินา ผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซียยังแนะด้วยว่า สามารถใช้คริปโตชำระเงินข้ามพรมแดนได้
อเล็กซี่ มอย์ซีฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังบอกว่า ธนาคารกลางรัสเซียจะได้พิจารณาแนวทางในการควบคุมอุตสาหกรรมอีกครั้ง “เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนไป” และโครงสร้างพื้นฐานที่วางแผนไว้นั้น “เข้มงวดเกินไป” สำหรับการใช้คริปโตสำหรับชำระหนี้ข้ามพรมแดน
“ซึ่งเราต้องทำให้ถูกกฎหมายอย่างแน่นอน” รมช.คลังรัสเซียกล่าว
อังกฤษสั่งบริษัทรับแลกคริปโต รายงานธุรกรรม
อีกด้านหนึ่ง เดอะ การ์เดียน รายงานว่า สหราชอาณาจักรจะบังคับให้บริษัทแลกเปลี่ยนคริปโตรายงานธุรกรรมที่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งเป็นกฎใหม่ตอบโต้การรุกรานยูเครนของรัสเซีย ที่ครอบคลุมสินทรัพย์ดิจิทัล
ผลก็คือ ทุกการแลกเปลี่ยนคริปโตที่เกิดขึ้นจะต้องรายงานต่อหน่วยงานตามกฎใหม่ ที่กำหนดโดยสำนักงานการดำเนินการคว่ำบาตรทางการเงินของกระทรวงการคลัง ซึ่งหมายถึงการแลกเปลี่ยนคริปโตจะเป็นการกระทำความผิดทางอาญา
และหากพวกเขาไม่รายงานธุรกรรมของลูกค้าที่ได้รับมอบหมายให้คว่ำบาตรภายใต้กฎนี้ บริษัทแลกเปลี่ยนคริปโตจะต้องดำเนินการทันที หรือหากสงสัยว่าลูกค้ารายใดรายหนึ่งถูกคว่ำบาตร หรือหากพวกเขาสงสัยว่ามีการละเมิดมาตรการคว่ำบาตร ในฐานะตัวกลาง เช่น ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ นักบัญชี ทนายความ และนักอัญมณี ก็จะถือว่ามีความผิด
เป้าหมายของการคว่ำบาตร ได้รวมถึงผู้มีอำนาจและญาติที่มีผลประโยชน์โดยตรงในสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งรวมถึงวลาดิมีร์ โปทานิน “ราชาแห่งนิกเกิล” ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของรัสเซีย ซึ่งสนับสนุน Atomyze ซึ่งเป็นธุรกิจบล็อกเชนของสวิส
ทั้งนี้ เมื่อกลางปีนี้ โอเล็ก เดริปาสกา มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ได้เรียกร้องให้ธนาคารกลางรัสเซียอนุญาตให้ใช้บิตคอยน์ชำระแทนเงิน แต่ไม่ได้มีข้อเสนอให้ใช้บิตคอยน์หลบเลี่ยงการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก