ข่าวปล่อย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย กลับมาตายรัง พรรคพลังประชารัฐ คนที่รัก-คนที่ชัง ดาหน้าออกมาต้อนรับขับสู้
บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หัวใจใหญ่-อ้าแขนรับ “ลูกน้องเก่า” แบบไม่มีเงื่อนไข มิหนำซ้ำยังทอดไมตรี-หลีกทาง ไม่ส่ง ส.ส.ลงทับพื้นที่พรรคเศรษฐกิจไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ ร.อ.ธรรมนัสเก็บกระเป๋าออกจากชายคาพลังประชารัฐ พร้อมกับ ส.ส. “ก๊วนธรรมนัส” 16 ชีวิต (ทั้งหมด 18 ไปอยู่พรรคภูมิใจไทย 2 คน คือนายเอกราชและนายวัฒนา ช่างเหลา) ไปลงเสาเข็ม-มุงหลังคาบ้านหลังใหม่-พรรคเศรษฐกิจไทย เพื่อเดินตามแผนปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์กลางสภาภาค 2
อย่างไรก็ตาม หลังจากขึ้นบ้านใหม่ “หัวหน้าครอบครัว” “บิ๊กน้อย-พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ต้องถูกผลักลงจากเก้าอี้หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยคนแรก เปลี่ยนมือมาเป็น “ร.อ.ธรรมนัส”
ทว่าตลอดระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี สมาชิกในบ้านอยู่แล้วไม่มีความสุข-ยกมือโหวตสวนมติ “พรรคธรรมนัส” ค้ำยันเก้าอี้นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์อยู่เนื่อง ๆ
“ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดีอีเอส-รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ 1 ใน 4 รัฐมนตรี ให้น้ำหนัก “ข่าวปล่อย” การกลับมาของ “คู่กัด” เพียงแค่ “ข่าวลือ”
“ปกติ ส.ส.สามารถย้ายพรรคได้อยู่แล้ว ซึ่งอาจจะไม่ได้มาทั้งพรรค บางคนก็ย้ายไปย้ายมา เป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องจะยุบพรรคหรือไม่ ผมยังไม่ได้ยิน นักข่าวไปฟังมาจากไหน เขาแถลงข่าวแล้วเหรอ ข่าวลือมั้ง ใครจะไปยุบพรรค ทำพรรคมาขนาดนี้แล้ว เขาเป็นหัวหน้าพรรค มีบทบาททางการเมือง จะไปยุบพรรคทำไม”
“ชัยวุฒิ” เล่าพื้นที่ส่วนกลางในบ้านที่เริ่มมีเนื้อที่จำกัด เพราะมีสมาชิกใหม่เข้ามาเพิ่ม
“มีมาสมัครเรื่อย ๆ คนที่อยากทำงานการเมือง และอยากเป็น ส.ส. อยากรับใช้ประชาชน เขาก็อยากจะอยู่พรรคใหญ่ พรรคที่มีแรง มีความพร้อมที่จะทำงานเพื่อประชาชนได้ พรรคพลังประชารัฐก็เป็นหนึ่งในทางเลือกหนึ่ง”
ส่วน “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน-ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ อีก 1 “คู่ปรับ” ของ ร.อ.ธรรมนัส “ปิดประตูตาย” การกลับมา
“คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ยากที่ ร.อ.ธรรมนัสจะกลับมา”
อีก 1 เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง-เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ถึงแม้จะผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ ย้ายที่ทำการพรรคไปอยู่เนื้อที่แปลงใหม่ย่านรัชดาฯ แต่หน้าฉากแสดงน้ำใจนักกีฬา พร้อมที่จะทำงานร่วมกัน ร.อ.ธรรมนัส อีกครั้ง แต่ยังต้องผ่านอีกหลายด่าน
“ทุกอย่างยังมีระเบียบและคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ที่จะต้องพิจารณา แต่พรรค พปชร.ไม่ได้มีปัญหาอะไร”
ฟาก “ร.อ.ธรรมนัส” กบดานอยู่ถ้ำโซเซียล-ส่องทุกความเคลื่อนไหวทุกห้องประชุม ทั้งวาระลับ-วาระแจ้งเพื่อทราบในทำเนียบรัฐบาล ก่อนจะออกมาโพสต์เฟซบุ๊กแสดงทรรศนะบนพื้นที่สาธารณะครั้งแรก แต่ไม่ได้รับ-ปฏิเสธว่าจะกลับ หรือไม่กลับพรรคพลังประชารัฐ
“อังคารนี้มีการประชุม ครม.ตามปกติครับ แต่ที่ไม่ปกติคือ มีเหล่าเสนาบดีหลายท่านต่างก็ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นทิศทางการเมืองของผม ต้องกราบขอบคุณพี่น้องสื่อหลาย ๆ สำนักที่มีความเป็นห่วงผมในประเด็นดังกล่าวครับ”
“ส่วนตัวผมแล้วในช่วงนี้เราไม่ควรให้ความสำคัญกับการย้ายสังกัดของนักการเมือง เพราะเวลานี้เป็นห้วงเวลาที่พี่น้องประชาชนกำลังหวาดผวากับอุทกภัยหรือน้ำท่วม ทั้งน้ำเหนือและน้ำจากฟ้ากำลังถล่มลงมาในหลายจังหวัด และพี่น้องประชาชนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ผมว่าเราเอาเวลาไปคิดเรื่องการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนดีกว่าไหมครับ”
“การเมืองต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้งครับ”
“สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม-แกนนำกลุ่มสามมิตร ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ แม้ “แบ่งรับแบ่งสู้” แต่เนื้อเสียงคอนเฟิร์ม “ข่าวไม่จริง”
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ก็อาจจะกระทบภาพลักษณ์ของพรรค และทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้ ขอให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงก่อนแล้วค่อยมาพูดกัน”
“มีทางเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้”
หากดูกันที่ช่องทางทางกฎหมาย ร.อ.ธรรมนัสจะสามารถกลับพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ มีอยู่ 2 วิธี
วิธีที่ 1 เทียบเคียงได้กับกรณี “กรณ์ จาติกวณิช” ที่ถอดหัวโขนหัวหน้าพรรคกล้า ไปสวมหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา คือ ร.อ.ธรรมนัส “ลาออก” จากพรรคเศรษฐกิจไทย มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งจะทำให้ความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลง
วิธีที่ 2 คือ การ “เลิกพรรค” ซึ่งจะใช้เวลาหลายเดือน เพราะต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองการเลิกพรรค จึงจะสามารถมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคใหม่ได้ แต่มีข้อดีคือ ความ ส.ส.ยัง “ติดตัวมา”
ดังนั้น วิธีที่ 2 จึงมีความเป็นไปได้มากที่สุด เพื่อคงสถานะความเป็น ส.ส.เอาไว้ และ ไทม์ไลน์ที่เหมาะสมที่สุด สำหรับ ส.ส.เขต “ย้ายพรรค” ได้คือ เลยวันที่ 23 กันยายน 65 เนื่องจากจะทำให้เข้าเงื่อนไขอายุสภาเหลือไม่ถึง 180 วัน
แต่ก็ต้อง “วัดใจ” ว่าจะไม่มีการ “ยุบสภา” เสียก่อน
ข่าว ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย (บางส่วน) จะกลับพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่เรื่องเกินความจริง-ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะแกนนำขาใหญ่แถบอีสานใต้เกริ่นนำก่อนหน้านี้ก่อน พล.อ.ประวิตรจะลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย รอเพียงจังหวะ-เวลาย้ายพรรคหลังวันที่ 23 กันยายน
แต่เมื่อข่าวรั่วออกมาก่อนเวลาอันควร
จึงถูกปั่นขึ้นไปตีกัน ร.อ.ธรรมนัสไม่ให้กลับเข้าบ้านจนทำให้ “คนในบ้าน” อึดอัดใจกลายเป็น “บ้านแตก”
ทะลุกลางปล้องก่อนในช่วง พล.อ.ประยุทธ์ “หยุดปฏิบัติหน้าที่” รอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปมนายกฯ 8 ปี