พีระพันธุ์ ลั่นกวาด ส.ส.สุราษฎร์ ยกจังหวัด

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

พีระพันธุ์ลั่น กวาด ส.ส.สุราษฎร์ฯ ยกจังหวัด ปักธง ประจวบฯ ชุมพร สุราษฎร์ฯ นครฯ สตูล พัทลุง ครบทุกเขต 

วันที่ 18 กันยายน 2565 ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค และนายวิทยา แก้วภราดัย กรรมการผู้บริหารพรรค ให้การต้อนรับทีมผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำโดย นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี และสมาชิกสภาจังหวัดสุราษฎร์ธานีกว่า 20 เขต รวมเกือบ 40 คน

ขณะเข้าเยี่ยมพรรครวมไทยสร้างชาติ ระหว่างเดินทางมาดูงานการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวใน กทม. เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินนโยบายหนึ่งตำบล หนึ่งแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด

พรรครวมไทยสร้างชาติ
นายพีระพันธุ์กล่าวถึงแนวความคิดของการตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติว่า ตนและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคทุกคนต้องการสร้างพรรคการเมืองแบบใหม่ ที่ทำการเมืองเพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของพรรค หรือประโยชน์ส่วนตัว หรือตำแหน่งอะไร เพราะเชื่อว่าถึงไม่มีตำแหน่งก็ทำงานได้ เหมือนที่ตนทำมาตลอด

“ที่ผ่านมาก็ทำงานหลายอย่าง แต่เห็นว่าทำคนเดียวคงทำได้ไม่หมด หากทำเป็นทีมเป็นพรรคในแนวทางเดียวกัน ก็จะสามารถทำงานให้บ้านเมืองได้มากขึ้น และสิ่งที่ตนเคยทำงานมาเป็นเครื่องยืนยันการทำงานของตนว่าสามารถทำงานในสิ่งที่หลายคนทำไม่ได้ เช่น กรณีโฮปเวลล์ ที่สามารถช่วยให้บ้านเมืองผ่านปัญหามาได้ แม้ช่วงนั้นจะมีการเสนอให้ตนไปรับตำแหน่งในรัฐบาล แต่ตนก็ได้ปฏิเสธไป เพราะไม่สามารถทิ้งงานสำคัญของบ้านเมืองได้” นายพีระพันธุ์กล่าว

นายพีระพันธุ์กล่าวต่อว่า เริ่มจากประสบการณ์ที่เคยทำงานเป็นผู้พิพากษามา 7 ปี ทำให้เห็นว่าปัญหาสำคัญของบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องภาพใหญ่ที่นักการเมืองพยายามพูดกัน แต่เป็นเรื่องชีวิตชาวบ้าน แต่นักการเมืองไม่เคยพูดถึง กลับไปขายฝันในสิ่งใหญ่ ๆ ในขณะที่ชาวบ้านเดือดร้อนในเรื่องใกล้ตัว เรื่องการทำมาหากิน ที่เพียงต้องการให้รอดไปได้ในทุกวันกลับไม่มีใครช่วยเหลือ และยังต้องมาเดือดร้อนเรื่องปัญหากฎหมายที่ไม่ชัดเจน ถูกรังแกเพราะไม่รู้เรื่องกฎหมาย

วิทยา แก้วภราดัย
วิทยา แก้วภราดัย กรรมการผู้บริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ

“สิ่งนี้ต่างหากที่ต้องแก้ไข ที่ผ่านมาตนได้รับเรื่องร้องเรียนมากมาย ล่าสุดจากการเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ ก็พบว่าปัญหาส่วนใหญ่ยังคงเป็นปัญหาเดิมตั้งแต่สมัยตนเป็นผู้พิพากษา คือสิ่งที่ไม่รู้กฎหมาย ถูกรังแก จึงตั้งใจว่าจะสร้างพรรคเพื่อจะเข้ามาแก้ปัญหานี้เป็นเรื่องสำคัญด้วย” นายพีระพันธุ์กล่าว และว่า

“ผมคิดว่าเรามาทำพรรคการเมืองใหม่ดีกว่า พรรคการเมืองที่เอาชาวบ้านนำหน้า เอาปัญหาของชาวบ้านจริง ๆ ไม่ใช่มาพูดแต่ปัญหาการเมือง แต่ปัญหาชาวบ้านไม่ได้รับการแก้ไข ผมคิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะต้องมาใส่ใจ ไม่ใช่พรรคการเมืองที่ขายแต่ภาพโก้หรู ภาพการเมืองใหญ่ ๆ ภาพเศรษฐกิจใหญ่ ๆ เท่านั้น”

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า แนวทางของตนคือ จะสู้ให้ทุกปัญหา ไม่ว่าปัญหาใหญ่เล็ก อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นปัญหาของชาวบ้าน คนธรรมดา คือคนสำคัญของรวมไทยสร้างชาติ มีเรื่องอะไรเดือดร้อน พึ่งใครไม่ได้มาที่รวมไทยสร้างชาติ เพราะว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ เราจะไม่มาทะเลาะกันในเชิงการเมือง หรือมาแขวะกันในเรื่องการเมืองที่ไร้สาระ

“มั่นใจว่าถ้าทุกคนช่วยกันทำงานจะทำให้ประเทศไทยดีขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารวมไทยสร้างชาติเราจะได้ปักธงที่สุราษฎร์ธานี และตั้งแต่ประจวบฯ ชุมพร สุราษฎร์ฯ นครฯ สตูล พัทลุง จะเป็นพื้นที่รวมไทยสร้างชาติครบทุกเขต” นายพีระพันธุ์กล่าว

เอกนัฏ พร้อมพันธุ์
เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ

ด้านนายเอกนัฏกล่าวว่า สุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดที่ใกล้ชิดกับตนมาก ตลอดสิบปีที่ผ่านมาตนอยู่ใกล้เลขาธิการพรรคมาตลอดในพรรคเก่า (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ หรือ “ลุงกำนัน”) ตอนนี้ก็มาพรรคใหม่ ซึ่งทีมงานที่ก่อร่างสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติล้วนเป็นเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่มีอุดมการณ์ทำงานร่วมกันมาก่อน ซึ่งก็มีหลายคนที่กำลังจะเข้ามาร่วมงานอีกมาก

“สำหรับนายพงษ์ศักดิ์ หรือกำนันศักดิ์ ถือเป็นนักเลงในใจตน เป็นขวัญใจคนรากหญ้า จึงถือว่าเป็นคนมีอุดมการณ์เดียวกัน มีดีเอ็นเอเดียวกัน คือเป็นนักสู้ทั้งหมด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ก็ได้นักการเมืองชื่อดังและมีคุณภาพหลายคน อยากจะบอกให้ทุกคนสบายใจว่า ตนกับลุงกำนันไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เพราะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน บางวันก็กินข้าวหม้อเดียวกัน แต่ความคิดทางการเมืองแตกต่างกันได้ ไม่จำเป็นต้องสู้กัน โดยให้กำลังใจกันและกันมาตลอด” นายเอกนัฏกล่าว

นายเอกนัฏกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่สำคัญ เพราะจะมีการเปลี่ยนกติกาจากบัตรใบเดียว เป็นบัตรสองใบ พี่น้องประชาชนจะดึงดูดจากคะแนนนิยมจากพรรคการเมือง มาให้ความสำคัญกับตัวผู้สมัครที่มีบทบาทสำคัญ มีความผูกพันกับประชาชนในพื้นที่

“ที่ปฏิเสธไม่ได้คือเครือข่ายของผู้บริหารท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นนายกเทศมนตรี หรือ ส.จ. ที่หลายคนอาจจะมีโอกาสได้เข้ามานั่งในพรรคในฐานะ ส.ส.ของพรรค ซึ่งในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะไปประชุมจัดตั้งสาขาแรกของพรรครวมไทยสร้างชาติที่สุราษฎร์ธานีในวันที่ 22 ก.ย.นี้ ซึ่งจะมีการเปิดตัวทีมงานและผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค โดยตอนนี้มีผู้สมัครเกือบครบแล้ว” นายเอกนัฏกล่าว และว่า

“ครั้งต่อไปคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ โดยมีการพูดคุยกันในพรรค คือจากการได้ไปดูสถิติ พบว่าในการเลือกตั้งครั้งใหม่จะมี ส.ส.หน้าใหม่เข้าสภาไม่ต่ำกว่าหนึ่งในสาม หรือกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เที่ยวนี้เชื่อว่าจะมีมากกว่าเดิม หรือราว 40-50 เปอร์เซ็นต์ เป็นโอกาสที่จะได้สร้างบุคลากรใหม่มาเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญคือในระดับจังหวัดที่ จ.สุราษฎร์ธานี รวมไทยสร้างชาติจะคัดสรรผู้สมัครที่ถูกใจพี่น้องประชาชน และหวังว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจาก ส.จ.ในพื้นที่”

นายเอกนัฏกล่าวว่า นายพีระพันธุ์เป็นบุคคลที่มีความสามารถ และมีประสบการณ์ในการทำงานเพื่อบ้านเมืองมาตลอด ครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้มาตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ มีความสามารถที่จะเขียนกฎหมาย ผลักดันกฎหมายได้ด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นอาวุธสำคัญ

นายเอกนัฏกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าประเทศไทยวันนี้ตกอยู่ในภาวะวิกฤต ประเทศต้องการผู้นำที่มีความมั่นคง หนักแน่น ทุกคนอยากทำพรรคที่เป็นสถาบัน ความตั้งใจแรกคือการติดอาวุธ ส.ส.ของพรรค ไปผลักดัน แก้ไข สังคายนากฎหมายหลายฉบับที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเปิดตัวผู้สมัครแล้วหลายราย และยังมีผู้ที่สนใจ คนเก่ง ๆ มีความสามารถเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนอกจากจะมาจากพรรคเดิม ๆ แล้วยังมีอดีต ส.ส.จากฟากตรงข้ามมาร่วมด้วย ซึ่งจะได้ทยอยเปิดตัวกันต่อไป

“ผมรู้สึกดีใจที่กำนันศักดิ์มาร่วมกับเรา เพราะเข้าใจจิตวิญญาณของท่านที่เป็นนักสู้ มีหลายพรรคไปจีบ จีบจนวันสุดท้ายก่อนเปิดตัวพรรค โทรศัพท์ดังจนถึงตีหนึ่ง ตีสอง แต่ในที่สุดหลังจากได้แลกเปลี่ยนแนวทางการทำงานกัน จนได้ทำภารกิจกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นข้อพิสูจน์ที่สำคัญ ผมบอกท่านว่า ใครจะมาสบประมาทว่าตั้งพรรคเพื่อจะไปเอาบัญชีรายชื่อ ผมบอกเลยว่าไม่ใช่ แต่เราต้องการที่จะเอาชนะในเขตเลือกตั้ง เพราะผมก็เป็นนักการเมืองเติบโตมาจากการเป็น ส.ส.เขต ไม่ใช่บัญชีรายชื่อ” นายเอกนัฏกล่าว

นายเอกนัฏกล่าวว่า เชื่อว่า ส.ส.ที่มีจิตวิญญาณที่จะทำงานให้ประชาชน จะต้องมีความยึดโยงกับประชาชน ต้องสามารถเอาะชนะใจของประชาชนได้ ต้องเอาชนะการเลือกตั้งในระดับเขตให้ได้ ถึงแม้จะเป็นนภารกิจที่ยาก แต่ต้องทำให้ได้ ผมได้บอกกับกำนันศักดิ์ว่า ให้เลือกคนที่ดีที่สุด คนที่มีใจนักสู้ ที่เข้าใจปัญหาของประชาชน มีจิตวิญญาณ มีความตั้งใจ และมีพลัง ช่วยแบ่งเบาภาระตามสโลแกน สู้ให้ทุกปัญหา และสามารถพึ่งพาได้ทุกเรื่อง นั่นคือความตั้งใจของพรรครวมไทยสร้างชาติ

ขณะที่นายนายวิทยากล่าวว่า ด้วยภาวะการเมืองที่เปลี่ยนไปมาก เราก็คิดว่าอยากจะมีพรรคการเมืองจริง ๆ ที่เป็นสถาบันการเมืองได้ พี่น้องประชาชนพึ่งพิงได้ และคิดเรื่องของชาวบ้าน ตนคิดว่าพี่น้อง ส.จ.ที่มาวันนี้ ถ้าใครเห็นด้วยกับแนวทางและอุดมการณ์คิดเพื่อบ้านเพื่อเมือง และปัญหาที่เหมือนกับที่นายพีระพันธุ์คิด คือปัญหาเรื่องกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน ขอให้เข้ามาร่วมกัน และฝากให้พี่น้อง ส.จ.ช่วยหาคนดีเก่ง ๆ มาช่วยกันสร้างพรรคการเมืองแห่งนี้ด้วย

พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว
พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี

นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ชีวิตของตนต่อสู้มาโดยตลอด จากเด็กบ้าน ๆ ที่เคยเก็บขยะขายไม่มีต้นทุนเหมือนคนอื่น แต่ด้วยใจที่สู้ และมีความกล้าจึงทำให้มีวันนี้ โดยเฉพาะการทำงานเพื่อบ้านเมืองในระดับท้องถิ่นที่ต่อสู้มาโดยตลอด และเคยต้องมีปัญหา เพราะไม่มีความรู้ทางกฎหมาย แต่ก็ไม่เคยเลิกที่จะต่อสู้ กระทั่งมาได้ทำงานให้กับกำนัผู้ใหญ่บ้าน หรือจนถึงวันนี้ที่เป็นนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ก็ยังมุ่งมั่นทำงานต่อเนื่อง และหวังจะยกระดับชีวิตให้กับคนสุราษฎร์ธานีทั่วประเทศ โดยเฉพาะการหาตัวแทนคนสุราษฎร์ฯเข้าไปทำงานในสภา ในการแก้กฎหมายต่าง ๆ

“เชื่อว่าตัวแทนทั้ง 7 เขตจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน และตนจะเข้าไปขับเคลื่อนการแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ ที่สร้างปัญหาให้กับประชาชน แม้ว่าจะไม่สามารถทำได้ในเวลาอันรวดเร็ว ถ้ามีสิบเรื่อง แต่แก้ไขได้สักเรื่องหนึ่งก็ยังดี เพราะในการต่อสู้ไม่ใช่ว่าครั้งเดียวจะชนะเลย” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว และว่า

“วันนี้ผมมาพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะผมเติบโตมากับความกล้าในการตัดสินใจของผม ทุกอย่างอยู่ทุกที่ทุกเวลา วันนี้ถ้าผมไปอยู่ประชาธิปัตย์ คนสุราษฎร์ธานีได้อะไร ผมไปอยู่พลังประชารัฐ คนสุราษฎร์ฯได้อะไร คนเขาก็ว่าผมมาเพราะพรรค แต่วันนี้ผมสร้างบ้านหลังใหม่ วันนี้ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ สร้างความเท่าเทียมกันของทุกคน นี่คือกำนันศักดิ์”

นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า ตนเคยเป็นคนที่ถูกรังแกจากกฎหมายมามากมาย เป็นคนไม่ชอบกฎหมาย เป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ เพราะหนังสือคนเขียนเป็นผู้กำหนด ไม่อ่าน เขาบอกเป็นคนดื้อ แต่สร้างความกล้ามาจนถึงวันนี้ อยากให้ทุกคนใช้ความกล้าเหมือนตน

“วันนี้ชาวสุราษฎร์ฯจะเป็นตัวแทนแก้กฎหมายแน่นอน ถ้าผมพาเข้า 7 คน ทุกคนจะต้องเอาเรื่องของประชาชนชาวสุราษฎร์ฯมาเข้าสภาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำกิน เรื่องประมง เรื่องหมวกกันน็อก ทุกเรื่องที่จะทำเพื่อคนสุราษฎร์ฯทุกคน” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว