ซีเซียม-137 อาจถูกหลอมแล้ว คาดถูกส่งต่อไปยังโรงงานรีไซเคิล

‘ซีเซียม-137’ ถูกหลอม

อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เผย “ซีเซียม-137” ถูกหลอมถลุงเป็นฝุ่นแดงแล้ว เพราะทีมที่ไปตรวจไม่พบผลิตภัณฑ์เหล็ก คาดส่งต่อไปโรงงานรีไซเคิล

วันที่ 20 มีนาคม 2566 เฟสบุ๊คสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว โพสต์ข้อความระบุว่า นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยทางโทรศัพท์กับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ว่า วันนี้เจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) พร้อมด้วยอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี ปภ. กรมการปกครอง ได้ออกตรวจปฏิบัติงานโรงถลุงเหล็กในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี

โดยทีมได้เข้าตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโรงถลุงเหล็ก ในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โดยได้เข้าทำการตรวจสอบ 2 รอบ รอบแรกเข้าไปตรวจสอบบริเวณกองเศษเหล็ก แต่ไม่พบกล่องเหล็กที่บรรจุสารกัมมันตภาพรังสีซีเซียม-137 รอบสอง นำเครื่องมือเข้าตรวจสอบบริเวณฝุ่นแดง ปรากฏพบสารกัมมันตภาพรังสีซีเซียม-137 แต่ไม่พบผลิตภัณฑ์เหล็ก ส่วนโรงถลุงเหล็กอื่น ๆ ยังไม่เจอ

สำหรับการถลุงเศษเหล็ก มี 2 กระบวนการ คือ 1.ใช้เตาไฟฟ้า 2.ใช้เตาแม่เหล็กเหนี่ยวนำ ซึ่งกรณีใช้เตาไฟฟ้าถลุงจะได้เป็นฝุ่นแดงออกมาจากกระบวนการถลุงเหล็ก ส่วนฝุ่นแดงที่พบในบริษัทดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดไว้ที่โรงถลุงเหล็ก แต่ในส่วนของกรมโรงงานอุตสาหกรรมยังไม่ได้สั่งปิดโรงถลุงเหล็กดังกล่าว ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้นิ่งนอนใจ

คาดถูกหลอมไปหมดแล้ว

อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมอธิบายว่า สำหรับ “ฝุ่นแดง” คือเมื่อนำเศษเหล็กไปถลุงจะได้น้ำเหล็กออกมา ซึ่งเหล็กจุดหลอมเหลวจะสูงมาก แต่สังกะสีและซีเซียม-137 ที่เป็นสารกัมมันตภาพรังสี จุดเดือดจะต่ำกว่าเหล็กมันจึงระเหิดกลายเป็นฝุ่นแดง โดยคาดการณ์ว่าเหล็กสารกัมมันตภาพรังสี ซีเซียม-137 น่าจะถูกถลุงหมดแล้ว เพราะทีมที่ไปตรวจไม่พบผลิตภัณฑ์เหล็ก

ลักษณะของการถลุงด้วยเตาไฟฟ้าซึ่งใช้วัตถุดิบเป็นเศษเหล็ก เหล็กส่วนใหญ่จะเคลือบสังกะสี ดังนั้นสังกะสี ซีเซียมก็จะระเหิดอยู่กับฝุ่นแดง ขั้นตอนจากนี้ สิ่งที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะดำเนินการ คือต้องตรวจสอบว่าเมื่อทำการถลุงเศษเหล็กกลายเป็นฝุ่นแดงแล้ว ฝุ่นแดงถูกส่งไปที่ไหนต่อ

ฝุ่นแดงเป็นของเสียจากโรงถลุงเหล็ก ซึ่งอาจถูกส่งไปยังโรงงานรีไซเคิลในประเทศ หรืออาจส่งออกไปยังต่างประเทศเพื่อรีไซเคิลเพื่อเอาสังกะสีที่อยู่ในฝุ่นแดงมาใช้ประโยชน์อีก จากรายงานบริษัทดังกล่าวรับซีเซียม-137 มาหลอมถลุงเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว แต่ไม่ชัดเจนรับมาจากที่ไหน

ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะติดตามต่อว่า บริษัทดังกล่าวส่งฝุ่นแดงไปรีไซเคิลที่โรงงานไหนบ้าง ทราบว่าได้ส่งไปยังโรงงานรีไซเคิลแห่งหนึ่งที่จังหวัดใกล้เคียง เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 จำนวน 12 ตัน ในวันนี้ (20 มี.ค.) จะส่งเจ้าหน้าที่นำอุปกรณ์ตรวจวัดสารกัมมันตรังสี ลงพื้นที่ไปทำการตรวจสอบที่โรงงานรีไซเคิลดังกล่าวว่ามีฝุ่นแดงหลุดไปถึงที่นั้นหรือไม่

อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมยังกล่าวอีกว่า เมื่อถลุงเป็นน้ำเหล็กแล้วมันจะกระจายไปหมด เข้าใจว่าฝุ่นแดงคงปนเปื้อนด้วยซีเซียมทั้งหมด เพียงแต่ว่ามีการขนฝุ่นเหล็กออกจากโรงถลุงเหล็กไปที่อื่นหรือไม่ ส่วนอันตรายจากฝุ่นแดงและสารกัมมันตภาพรังสี ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้รับ ถ้าไม่สัมผัสตลอดเวลาคงจะไม่ได้รับผลอะไร

เป็นความผิดพลาดของโรงงานหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เหล็กที่ปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีไม่ควรหลุดรอดออกมา ไม่แน่ใจว่าเป็นความผิดพลาดของโรงงานหรือไม่ โดยอุปกรณ์เหล่านี้เมื่อหมดอายุแล้ว จะอยู่ในสถานะ ดังนี้ 1.เก็บไว้จนกระทั่งสลายตัวด้วยธรรมชาติเอง 2.ส่งกลับผู้ผลิต ซึ่งสารกัมมันตรังสีจะสลายตัวครึ่งชีวิตของมัน ซึ่งกรณีซีเซียม-137 นี้มีอายุ 30 ปี

โดยปกติซีเซียม-137 ประเทศเราผลิตเองไม่ได้ต้องนำเข้ามา กฎหมายที่ใช้ควบคุมดูแลสารกัมมันตภาพรังสี เป็นกฎหมายเฉพาะ มี สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ดูแล ตั้งแต่การนำเข้ามา ขึ้นทะเบียนอุปกรณ์ นำไปใช้ที่ไหน เมื่อเลิกใช้แล้วกากที่เหลือจะนำไปกำจัดอย่างไร

เรื่องนี้คงต้องหารือกัน ไม่ให้มีการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี ในส่วนกฎหมายของโรงงานเราดูแลความปลอดภัยทั้งหมดก็จริง แต่เรื่องของกัมมันตภาพรังสี มีกฎหมายเฉพาะ กฎหมายเขียนชัด ถ้าเข้าข่ายเป็นกากกัมมันตภาพรังสี ให้เป็นไปตามระเบียบ พ.ร.บ.ปรมาณูเพื่อสันติ ซึ่งต้องเข้ามาควบคุม