ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ลุยธุรกิจบริหารเงินเศรษฐี ตั้งเป้าชิงลูกค้า 12% ต่อปี

ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ลุยธุรกิจบริหารเงินเศรษฐี ตั้งเป้าชิงลูกค้า 12% ต่อปี

“ธนาคารไทยพาณิชย์”และ “จูเลียส แบร์” เผยตัวเลขสินทรัพย์คนรวยเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% จาก 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 4.7 ล้านล้านดอลลาร์ เล็งเจาะลูกค้ากลุ่มระดับ คาดฐานลูกค้าโต 12% ต่อปี ชูกลยุทธ์ “The New Wave of Wealth” ปักธง 3 ปี ก้าวสู่ผู้นำ International Private Banking มีความเป็นเลิศด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร

วันที่ 27 เมษายน 2566 นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Weallth management) มีทิศทางการเติบโตต่อเนื่อง โดยจะเห็นกลุ่มลูกค้าความมั่งคั่งย้ายฐานจากยุโรปมาสู่ตลาดเอเชียมากขึ้น และกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งระดับกลางขยับสู่ระดับบนมากขึ้น

โดยตลาดมีการคาดการณ์ว่าภายใน 3-5 ปี มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ในตลาดเอเชียจะเพิ่มจาก 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 4.7 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ประเทศไทยมีโอกาสเติบโตเช่นกัน โดยมีสินทรัพย์ AUM อยู่ที่ 25 ล้านล้านบาท และคาดว่าภายใน 3-5 ปี จะมีแนวโน้มการเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% ซึ่งในจำนวนดังกล่าวจะพบว่ากลุ่มลูกค้ามั่งคั่งที่มีสินทรัพย์การลงทุนและเงินฝากตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป มีประมาณ 10 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่ธนาคารให้ความสนใจและมุ่งเน้นการเติบโต

ปัจจุบันธนาคารมีฐานลูกค้ามั่งคั่งที่มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป กว่า 400,000 ราย ซึ่งรวมถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (High Net Worth Individuals) คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดกว่า 40% และมีแผนงานขยายฐานลูกค้าเติบโตอย่างต่อเนื่องมากกว่า 12% ต่อปี โดยเฉพาะในกลุ่ม young affluent ที่มีความสนใจในการวางแผนการลงทุนที่เติบโตต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ธนาคารจะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินการลงทุนที่หลากหลาย และ เป็น open architecture รวมถึงการขยายฐานลูกค้านักลงทุน digital investors ผ่านการพัฒนา wealth platform ที่ตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนที่ครบวงจร โดยตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปี มีฐานลูกค้า digital investors กว่า 1.3 ล้านราย

Advertisment

“ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูง (UHNWIs/ HNWIs) ทำให้ไทยพาณิชย์สามารถต่อยอดในการทำธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) และสามารถช่วยวางแผนการเงินให้กับลูกค้าได้เต็มรูปแบบและครบวงจร และทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์สามารถครองอันดับหนึ่งในการเป็นดิจิทัลแบงก์ด้านการบริหารความมั่งคั่งได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”

นางสาวลลิตภัทร ธรณวิกรัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับปี 2566 การปรับนโยบายการเงินเริ่มกลับมาเป็นปกติหลังจากที่มีการใช้นโยบายที่ตึงตัวอย่างมากในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ กระบวนการ Disinflationary ในสหรัฐอเมริกายังคงดำเนินต่อไป แต่ยังคงมีความผันผวนในระดับสูงจากความเปราะบางเชิงโครงสร้างในด้านอุปทาน

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนเราแนะนำให้เข้าลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่คุณภาพดี ลดการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง (High yield Bond) ขณะที่การลงทุนในหุ้นเรายังแนะนำให้ใช้กลยุทธ์แบบ Barbell คือลงทุนทั้งในกลุ่มที่เป็น Secular growth ที่ยังคงมีการเติบโตที่ดีผสมกับหุ้นคุณภาพที่เป็นกลุ่มปลอดภัย (Defensive) โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราให้น้ำหนักการลงทุนเชิงบวกคือกลุ่มเทคโนโลยี (Technology) กลุ่มสุขภาพ (Healthcare) และกลุ่มสื่อสาร (Communication)

โดยในปี 2566 ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ นำเอา กลยุทธ์ “The New Wave of Wealth” มาใช้เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ ตอกย้ำจุดยืนของการเป็นผู้นำด้านบริหารความมั่งคั่ง ซึ่งครอบคลุมและครบวงจรที่สุด เพื่อเจาะกลุ่มทายาทคนรุ่นใหม่ ซึ่งประกอบด้วย 3 แกนสำคัญ ได้แก่

Advertisment

1.Onshore & Offshore Investment : ลูกค้าไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ สามารถลงทุนทั้งในประเทศ (Onshore) และต่างประเทศ (Offshore) ซึ่งถือเป็น House แรกและที่เดียวในประเทศไทยที่สามารถดูแลและให้บริการแบบครบวงจร

2.Human Touch : บริการที่เข้าใจกลุ่มลูกค้าคนไทยอย่างแท้จริง ด้วยผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ หรือ Relationship Manager (RM) คนไทยที่มีความรู้ ความเข้าใจตลาดเมืองไทย เข้าใจความต้องการของลูกค้าทั้งในเชิงวัฒนธรรม วิถีชีวิตและแนวคิดของคนไทยด้วยกัน พร้อมที่จะให้บริการได้ทันทีด้วยการให้บริการแบบ Human Touch โดยมีเทคโนโลยีมาสนับสนุน (Human Touch with Digital Support)

3.Seamless Access : การให้บริการผ่าน Open Product Platform ด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย และการวางแผนการส่งต่อความมั่งคั่ง (Wealth Planning) รวมทั้งบริการที่ดีที่สุด เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถลงทุนได้อย่างอิสระ ทำให้สามารถกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด ตรงกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคล (Tailored made) และเข้าถึงการลงทุนทั่วโลกได้อย่างแท้จริง

“เราตั้งเป้าภายใน 3 ปี จะสามารถขึ้นแท่นผู้นำ International Private Banking ที่มีความเป็นเลิศด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร ให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (UHNWIs และ HNWIs) ของเมืองไทย”

นายฟิลลิปป์ ริคเคนแบเคอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จูเลียส แบร์ กรุ๊ป กล่าวว่า จูเลียส แบร์ มีความมุ่งมั่นในการขยายตลาดธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงในเอเชีย โดยเอเชียนับเป็นบ้านแห่งที่สองของเรา และสำหรับประเทศไทยนั้นถือเป็นหนึ่งในประเทศที่เราให้ความสำคัญในการขยายขอบเขตการให้บริการ โดยมองว่ายังคงมีโอกาสอีกมากมายสำหรับธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงในประเทศไทย

โดยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง “จูเลียส แบร์” (Julius Baer) ผู้นำตลาดธุรกิจบริหารความมั่งคั่งชั้นนำระดับโลก และ “ธนาคารไทยพาณิชย์” ผ่านการดำเนินธุรกิจของ “ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์” จะสามารถนำเสนอประสบการณ์ด้านการบริการความมั่งคั่งแบบเหนือระดับให้กับลูกค้าของเรา ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสากลของจูเลียส แบร์ เข้ากับจุดแข็งของธนาคารไทยพาณิชย์

ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำของประเทศ ที่มีความเข้าใจกลุ่มลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในประเทศไทยอย่างลึกซึ้งและเครือข่ายที่กว้างขวาง ช่วยให้เราสามารถให้คำแนะนำที่ตรงเป้าหมายได้อย่างล้ำสมัย และมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงเหมาะสมกับตลาดเมืองไทย