ดันหมอชลน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชิงตำแหน่งประธานสภา

คาดการเจรจาพรรคร่วมรัฐบาล วันที่ 30 พ.ค. 66 เพื่อไทยยืนยัน เสนอชื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร

วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า วันนี้มีการเตรียมวาระสำหรับการประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค 312 เสียง ณ ที่ทำการพรรคประชาชาติ (ปช.) ย่านดอนเมือง ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2566

สำหรับวาระการประชุมพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีแกนนำจากพรรคร่วมรัฐบาลอื่นทราบวาระที่ชัดเจน แต่แกนนำพรรคเพื่อไทยถกกันว่า มีความเป็นไปได้ที่พรรคจะเจรจาเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าควรจะเป็นของพรรคเพื่อไทย ที่มีเสียงในสภาเป็นอันดับสอง 141 เสียง รองจากพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แกนนำจัดตั้งรัฐบาล 151 เสียง ที่จะได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ โดยธรรมเนียมปฏิบัติ พรรคก้าวไกล ไม่ได้ชนะเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร โดยมีคะแนน จำนวน ส.ส.ห่างกันเพียง 10 เสียง และอำนาจในฝ่ายบริหารทั้งหมด ก็อยู่ในมือพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีความชอบธรรมทางการเมือง ที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทย จะได้เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ โดยคิดว่าบุคคลที่เหมาะสมคือ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

วันเดียวกันนี้ ที่พรรคเพื่อไทย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่า เรามีคณะเจรจาของแต่ละพรรคที่จะทำงานร่วมกัน เขาอาจพบปะกันทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ หากเป็นทางการยอมรับว่าหลังจากวันที่เซ็นเอ็มโอยู ยังไม่ได้หารือกัน ประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเราต้องมองภาพมิติสังคมประชาธิปไตยเป็นหลัก การแสดงความเห็นของแต่ละฝ่ายเป็นสิทธิเสรีภาพ แต่ในมุมของพรรค พท. เรายึดหลักคณะเจรจา ความเห็นที่ออกมาจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คณะเจรจาเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเจรจา ถือเป็นประเด็นภายนอก ไม่เช่นนั้นจะทำเราหลงประเด็น

“ยอมรับว่าในมุมของพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล เราไม่มีข้อขัดแย้งกัน คณะเจรจาเขาดำเนินการไปด้วยดี เพียงแต่พวกเราไปยึดติดการนำเสนอผ่านสื่อมากเกินไป จึงเห็นว่าเป็นข้อขัดแย้ง ยืนยันไม่ใช่ข้อขัดแย้ง และพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยต้องหาความเห็นร่วมในความเห็นต่างให้ได้” นพ.ชลน่านกล่าว

เมื่อถามว่า ปัญหาในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายแพทย์ชลน่าน ได้ประสานหรือพูดคุยโดยตรงกับพรรคก้าวไกล หรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า โดยตรงไม่มี เพราะมอบให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท. เป็นคนประสานงานหลัก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการแบ่งเก้าอี้ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคร่วมได้พูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวแล้วหรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า การพูดอย่างเป็นทางการไม่มี การทำงานร่วมกันนั้นปฏิเสธเรื่องการจัดสรรตำแหน่งไม่ได้ และเราก็ระมัดระวังการจัดสรรตำแหน่ง

“เราพยายามนำเสนอให้ประชาชนเห็นภาพว่าเราแบ่งงานกันทำตามวาระงาน ตามวาระหน้าที่ที่เหมาะสมตามนโยบายของแต่ละพรรค ซึ่งพรรคแกนนำได้ให้แนวทางมาเช่นนั้น ฉะนั้นมุมมองที่เราจะสื่อออกไปต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ ไม่อยากให้เกิดในลักษณะแย่งงานกันทำ”

ถามต่อว่า ตำแหน่งประธานสภา ยังยืนยันว่าควรเป็นของพรรค พท.หรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า “ตอนนี้คณะเจรจากำลังคุยกัน ตนในฐานะหัวหน้าพรรคและมีชื่อตัวเองไปเกี่ยวข้อง ไม่อยากแสดงความเห็นในเรื่องนี้ เป็นหน้าที่ของคณะเจรจา เป้าหมายสำคัญที่สุดของการทำงานร่วมกันของพรรค ก.ก.และพรรค พท. เราต้องให้ความสำคัญของอาณัติประชาชนจำนวน 25 ล้านเสียงที่ประชาชนมอบให้เรามาเสมือนเป็นการมัดให้เราทำงานร่วมกัน ต้องเอาตรงนั้นเป็นหลัก”

นายแทพย์ชลน่านกล่าวต่อว่า เขาต้องการรัฐบาลประชาธิปไตย ที่จะไปปิดกั้นยุติการสืบทอดอำนาจ และการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงการเลือกนายกรัฐมนตรีที่เราประกาศชัดเจนว่าเสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี นั่นคือเป้าหมายหลัก ควรยึดตรงนั้นและหาทางออกร่วมกัน ทำงานร่วมกัน เพื่อไปถึงเป้าหมาย เชื่อว่าคุยกันได้

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มีชื่อ นายแพทย์ชลน่านไปเกี่ยวข้องกับประธานสภา ถ้าพรรคร่วมเลือก พร้อมหรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า ยังไม่ตอบ ต้องดูผลเจรจาว่ามีทางออกอย่างไร

เมื่อถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค พท.มองว่าการตั้งรัฐบาล ตำแหน่งประธานสภาต้องนำไปรวมกับเก้าอี้บริหารด้วยหรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า ตามหลักเสียงข้างมากเด็ดขาดเรายอมรับในมุมนั้น เพราะเขามีสิทธิกำหนดตำแหน่งต่าง ๆ ทั้งบริหารและนิติบัญญัติ ให้สอดรับการทำงานของแต่ละฝ่าย

แต่กรณีที่เป็นลักษณะพรรคร่วม มีวิธีคิดหลายเรื่องที่จะหาโอกาสทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะพรรคร่วมที่มีเสียงใกล้เคียงกัน อาจมีทิศทางหรือแนวทางในการทำงานร่วมกันภายใต้การยอมรับซึ่งกันและกัน แต่ข้อยุติบางอย่าง ยุติด้วยตัวมันเอง เช่น เสียงข้างมากเด็ดขาด แต่กรณีความเห็นต่างที่มีเสียงก้ำกึ่งกัน ต้องอาศัยเสียงข้างมากในการตัดสิน การทำงานร่วมกันถ้าทุกฝ่ายให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราก็ไปด้วยกันได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ความเห็นต่างที่เกิดขึ้นจะทำให้อาณัติประชาชนที่มัดเราด้วยกันคลายออกได้หรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า ตนมั่นใจว่าคลายไม่ได้ เพราะเรายึด 25 ล้านเสียงเป็นหลัก เรายึดเป้าหมายรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยเป็นหลัก ตรงนี้ยากที่จะคลายออกจากกันได้ ถ้าฝ่ายไหนฝ่ายหนึ่งแยกออกไปย่อมทำให้ความหวังของประชาชนเสียหาย

ก่อนหน้านี้วันที่ 28 พฤษภาคม 2566 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แลกกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า โผคณะรัฐมนตรีที่ออกมาตอนนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์กันไปเอง ยืนยันว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันเป็นทางการ อีกทั้งในพรรคเพื่อไทยเองก็ยังไม่ได้พูดคุยกันด้วย ทั้งนี้ พรรคมีคณะเจรจาอยู่ ซึ่งได้มอบหมายภารกิจไป และอะไรที่จะเป็นข้อตัดสินใจในนามพรรค ก็จะมาปรึกษาหารือกัน แต่ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุย

ขณะที่การหารือกับพรรคร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลในวันอังคารที่ 30 พฤษภาคม 2566 ตามที่พรรคก้าวไกลเป็นผู้นัดหมายนั้น ตนยังไม่ทราบว่าจะพูดคุยกันเรื่องใดบ้าง เพราะพรรคแกนนำนัดหมายวันและเวลา แต่ยังไม่ได้แจ้งรายละเอียดการหารือ แต่คาดว่าคงเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ

ส่วนการประชุมในวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 จะมีข้อสรุปเรื่องเก้าอี้ประธานสภาหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับบรรยากาศการพูดคุย แต่หวังว่าน่าจะตกลงกันได้ และเมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันจะต้องได้ตำแหน่งประธานสภาหรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า คงต้องพูดคุยกัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็เสนอความจำเป็นและความต้องการของตัวเอง ดังนั้น ต้องหยิบยกเหตุผลและความจำเป็นมาคุยกัน บนพื้นฐานที่ต้องทำงานร่วมกัน แยกกันไม่ได้ ซึ่งจะทำให้มิติการพูดคุยกันจะง่ายขึ้น