หนักสุดรอบ10 ปี! ยอดใช้รถทัวร์วูบ50% จอดนิ่งๆกว่า 1 หมื่นคัน

แฟ้มภาพ

ดร.วสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไป (สปข.) รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวมขณะนี้อยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วงมาก จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2561 ขณะที่การเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวภายในประเทศก็ปรับตัวลดลง บวกกับการชะลอการเดินทางขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ภาพรวมการใช้บริการรถทัวร์โดยสารสาธารณะหายไปไม่น้อยกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

โดยในส่วนของตลาดอินบาวนด์ (ต่างชาติเที่ยวไทย) พบว่า การใช้รถทัวร์ลดลงประมาณ 30% ขณะที่ตลาดทัวร์ไทยเที่ยวไทยลดลง 50-60% และตลาดเดินทางดูงานของภาครัฐและองค์กรส่วนท้องถิ่นหายไปราว 70-80% รวมถึงรถที่ใช้ภาคอุตสาหกรรมลดลงกว่า 30%

“ความต้องการใช้รถทัวร์สาธารณะลดลง ส่วนหนึ่งมาจากรูปแบบของการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวเปลี่ยนจากเดินทางเป็นกรุ๊ปทัวร์มาเป็นเดินทางด้วยตัวเอง หรือเอฟไอทีรวมทั้งมีรถป้ายดำ รถส่วนตัวเข้ามาสู่ระบบของธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อรองรับกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง” ดร.วสุเชษฐ์กล่าว

ดร.วสุเชษฐ์กล่าวต่อว่า ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่างประเมินว่า ปีนี้เป็นปีที่หนักสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่ซัพพลายในทุก ๆ เซ็กเตอร์เกิดภาวะล้นตลาด ทำให้การเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวมเกิดภาวะชะลอตัว

“ไม่เพียงแค่ธุรกิจสายการบิน บริษัทนำเที่ยว โรงแรมเท่านั้น ที่แห่เล่นกลยุทธ์ราคากันหนัก ในสาขาบริการรถนำเที่ยวก็แข่งราคากันหนักเช่นกัน ทุกคนต้องการเงินมาหมุน ดังนั้น หากสถานการณ์เป็นแบบนี้ ภาครัฐยังไม่อัดยาแรงช่วย คาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะมีรถโดยสารสาธารณะไม่มีงาน และจอดนิ่ง ๆ ไม่ต่ำกว่า 20-30% หรือประมาณ 1 หมื่นคัน และคาดว่าจะเป็นเอ็นพีแอลอีกไม่ต่ำกว่า 5,000-6,000 คัน จากจำนวนรถที่มีอยู่ในตลาดทั้งหมดราว 4 หมื่นคันทั่วประเทศ”

คลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่…ท่องเที่ยวทรุดทั้งระบบ จี้รัฐอัดยาแรงปลุกไฮซีซั่น