จุดเทียนกลางลานปรีดี ครวญเพลง ‘แสงดาวแห่งศรัทธา’ ลั่นยุบอนค.ไม่ใช่จุดจบ

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2563 เมื่อเวลา 17.30 น. ที่ ลานปรีดี ข้างตึกโดม  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษา แห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมแฟลชม็อบ “ประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนเดินทางมาร่วมกิจกรรมอย่างเนืองแน่นและทยอยมาอย่างต่อเนื่อง โดยต่างเตรียมเทียนมาร่วมจุดเพื่อเป็นสัญลักษณ์ทวงคืนความยุติธรรม จากกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ ในคดีกูเงิน 191 ล้านบาท ส่งผลให้กรรมการบริหารพรรค จำนวน 16 คน ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี

โดยกิจกรรมมีการปราศรัยโดยตัวแทนนักศึกษา ชายหญิง สลับขึ้นมากล่าว มีใจความดังนี้

“แก่นของประชาธิปไตยเปลี่ยนไป ผู้คุมอำนาจ และอำนาจรัฐเอง ผิดแปลกไป เข้ามาปกครองเป็นเวลา 5 ปีด้วยคำว่า ปฏิรูป ทุกวันนี้้เราได้อะไรบ้าง การเลือกตั้งหลายเขตมีบัตรเขย่ง เป็นเครื่องมือให้บางฝ่ายชนะการเลือกตั้ง เป็นอำนาจที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน พรรคการเมืองบางพรรคลงสมัครส่ง 350 เขต ได้เสียงไม่เท่าพรรคที่ส่ง 200 เขต แต่กล้าเรียกกว่าป๊อบปูลาร์โหวต เสียดายภาษีที่เสียไป 6 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น ของแพง หมูขึ้นเกือบกิโลกรัมละ 200 บาท”

“วันนี้ผมจะมาพูดความในใจจากการทำกิจกรรม ที่โดนลดทอนสิทธิเสรีภาพ เรื่องยุบพรรคประชาชนเหมือนโดนตบหน้า ผมก็รู้สึกแบบนั้น และเป็นคนหนึ่งที่ไม่พอใจอย่างมาก มีการเอาป้ายผ้าที่นักศึกษาเขียนออก ติดได้แค่ลานปรีดี สิ่งที่ผมเจอทำให้รู้สึกเอียนมากถ้ามีคนพูดว่าเสรีภาพทุกตารางนิ้ว แต่ไม่ใช่ เป็นปัญหาโครงสร้าง เรื่องความเป็นอำนาจนิยม ผมโดนขัดขวางการทำกิจกรรม ทำป้ายเพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับคนข้างนอก ถ้าเราจะทำกิจกรรม เราควรจะเน้นในจุดย่อย ส่วนองค์กร เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย เพราะขนาดเราทำเท่านั้น เขายังกลัว ถ้าแต่ละองค์กรช่วยกันทำ เขาก็น่าจะรับรู้ได้ไม่มากก็น้อย”

“ทุกวันนี้เราเอาแน่นอนไม่ได้ เศรษฐกิจ ความปลอดภัยชีวิต เสรีภาพการแสดงออก แสดงความเห็นแต่ก่อนมีเอสเอ็มอีมากมายเดี๋ยวนี้ทยอยปิดตัว ผู้ประกอบการรายย่อย ผู้จ้างงานหายหมด ถ้ารัฐบาลเหนื่อย รัฐบาลไม่ไหวก็ลาออกเถอะครับ”

“ผู้มีอำนาจคิดผิด นี่ไม่ใช่จุดจบแต่เป็นจุดเริ่มต้น สิ่งนี้สะท้อนว่าผูัมีอำนาจไม่เคยเรียนรูัอะไรเลยจากประวัติศาสตร์การเมือง ไม่ได้เรียนรู้อะไร เหมือนผู้กำกับการแสดง พยายามจะคิดว่าหนังน้ำเน่าแบบเดิมคนยังอิน ยังขายได้อยู่ แต่เรามาประกาศว่าหนังน้ำเน่าแบบเดิมไม่มีคนดูแล้ว

คำพูดของสหายไฟบอกว่า ในยามมืดมิดเราควรเป็นเหมือนนกฮูก ปลูกคนตื่นให้ลุก ปลุกคนลุกให้โลดแล่นไปข้างหน้า  มองไปที่ระบบต่างๆ ที่ล้มเหลว เกิดอะไรกับบ้านเมืองเรา ตอนนี้ข้าวยากหมากแพง เอาจีดีพีมาพูดทั้งเศรษฐกิจที่มันเป็นเรื่องของความรู้สึกเขาจึงพูดกันว่า ‘ผนงรจตกม’ ”

จากนั้นประชนส่งเสียงเฮ พร้อมตะโกน เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ

จากนั้นมีการอ่านกวีโดยประธานสหภาพฯ จุดเทียน ร้องเพลงเพื่อมวลชน และ แสงดาวแห่งศรัทธา
ร่วมกัน ก่อนจะสิ้นสุดกิจกรรมในเวลา 19.00 น.

 

ที่มา:มติชนออนไลน์