ซีพี เดินหน้า ปลูกฟ้าทะลายโจร 100 ไร่ 100 วัน ส่งมอบ 30 ล้านแคปซูล พ.ย นี้

ซีพีปลูกฟ้าทะลายโจรส่งมอบ พ.ย.

ซีพี เดินหน้าโครงการ “ปันปลูก-ฟ้าทะลายโจร 100 ไร่ 100 วัน” ตามนโยบายเจ้าสัวธนินท์ เริ่มปลูกกล้าลงดินตั้งแต่ 12 ส.ค.64 ระดมอาสาสมัครรวมปลูก เร่งผลิต 30 ล้านแคปซูลใน 100 วัน คาดส่งมอบเดือน พ.ย. 64 พร้อมส่งต่อองค์ความรู้การปลูก-ดูแลรักษา-ให้เกษตรกรฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

วันที่ 14 สิงหาคม 2564 นายสุเมธ ภิญโญสนิท ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด (CPP) เปิดเผยว่า โครงการปลูกพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเป็นไปตามนโยบายของประธานอาวุโสเครือซีพี นายธนินท์ เจียรวนนท์ ที่ตระหนักว่าขณะนี้สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ค่อนข้างรุนแรง และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการดูแลรักษาเบื้องต้นสามารถใช้ยาฟ้าทะลายโจรเพื่อช่วยลดภารกิจของสาธารณสุขและบุคลากรด่านหน้าทางการแพทย์

ประธานอาวุโสซีพีจึงมีนโยบายให้เครือซีพีซึ่งมีศักยภาพที่จะช่วยเหลือสังคมได้อย่างเร่งด่วนทำหน้าที่เป็นทัพเสริมช่วยหนุนการปลูกและผลิตสมุนไพรฟ้าทะลายโจรที่ขณะนี้กำลังขาดแคลน

ด้วยสรรพคุณของฟ้าทะลายโจรพืชสมุนไพรไทยที่สามารถใช้บรรเทาอาการไข้หวัด แก้ไอ เจ็บคอ และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ต้านการอักเสบ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แจกจ่ายยาฟ้าทะลายโจรให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างรอเข้ารับการรักษา และกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง มีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อ ทำให้ความต้องการยาฟ้าทะลายโจรมีเพิ่มขึ้น

เพื่อแก้ปัญหาฟ้าทะลายโจรขาดตลาด และเพื่อรองรับความต้องการที่มีมากขึ้นในช่วงนี้ เครือซีพีจึงดำเนินโครงการ “ปลูกฟ้าทะลายโจร 100 ไร่ 100 วัน” ขึ้นมาและเริ่มดีเดย์เพาะปลูกวันแรกตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2564 ในพื้นที่ จ.สระบุรี โดยระดมอาสาสมัครและพนักงานในเครือซีพีมาร่วมปลูกให้เร็วที่สุดเพื่อให้ทันกำหนดภายใน 100 วัน ตามเป้าหมายที่ซีพีต้องการส่งมอบยาแคปซูลฟ้าทะลายโจรชุดแรก 30 ล้านเม็ดแจกจ่ายไปยังชุมชนและประชาชนทั่วไป โดยจะเริ่มส่งมอบได้ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 นี้

​นายสุเมธ กล่าวว่า ซีพีได้ศึกษากระบวนการขั้นตอนตั้งแต่สายพันธุ์เพื่อการเพาะปลูกจนถึงการผลิตและบรรจุที่มีการดำเนินการอย่างเป็นมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยเราได้นำสายพันธุ์จากทั่วทุกภาคมาทำการศึกษาทั้งเมล็ดพันธุ์และกล้าพันธุ์เพื่อพัฒนาเป็นองค์ความรู้ที่สมบูรณ์แบบของประเทศไทย เพื่อในอนาคตจะได้มอบพันธุ์ที่ศึกษาไว้ทั้งหมดแก่เกษตรกรและชาวบ้านทั่วไปนำไปขยายพันธุ์เพาะปลูกรวมทั้งให้คำแนะนำเทคนิคในการเลี้ยงดูและการปลูกให้ได้ผลด้วย

โดยหลังจากผ่านการขอพิจารณาแนวทางในการทำการเกษตร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี และปลอดภัยตามมาตรฐานที่กาหนด หรือ GAP ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ทั้งนี้เครือซีพีจะถ่ายทอดองค์ความรู้ที่สมบูรณ์แบบทั้งการเพาะปลูกและการดูแลรักษาฟ้าทะลายโจร รวมทั้งการส่งมอบพันธุ์เพาะปลูกทั้งหมดที่ได้ มีการพัฒนาสายพันธุ์และศึกษาไว้ให้แก่พี่น้องประชาชนทั่วไป และเกษตรกรไทยที่สนใจนำไปปลูกได้ด้วยตัวเองเพื่อสร้างเสริมเป็นรายได้ ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ กับเกษตรกร สามารถนำไปปลูกได้อิสระ เพราะเชื่อว่าเมื่ออนาคตตลาดสมุนไพรไทยขยายและเติบโตขึ้น ความต้องการฟ้าทะลายโจรจะมีมากขึ้นในไทย รวมทั้งหลายประเทศในภูมิภาคนี้ และอาจขยายได้ทั่วโลก องค์ความรู้เหล่านี้ทั้งหมดก็จะส่งต่อให้เกษตรกรไทยต่อไป

​”ฟ้าทะลายโจรถือเป็นยาสมุนไพรโบราณของไทย เราอยากเทิดทูนถึงองค์ความรู้ด้านตำรับยาไทยที่บรรพบุรุษของเราได้สืบทอดมา ซึ่งจากการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญพบว่า แม้แต่การเพาะปลูกพืชตัวนี้ก็ยังถือเป็นพืชที่ต้านทานโรคและแมลงได้ด้วยตัวเอง ซึ่งซีพีจะดำเนินการเพาะปลูกและดูแลรักษาโดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ฟ้าทะลายโจรจึงถือเป็นพืชสมุนไพรที่บรรพบุรุษส่งต่อสืบทอดมาให้เราอย่างแท้จริง”

​ทั้งนี้ นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 กลุ่มธุรกิจในเครือซีพีได้ระดมสรรพกำลังร่วมฝ่าวิกฤตโควิด-19 โดยสนับสนุนอาหาร น้ำดื่ม อุปกรณ์สื่อสาร และภารกิจด้านสาธารณสุข บริจาคเครื่องมือแพทย์ เต็นท์ความดันลบ เครื่องช่วยหายใจไปแล้วมากกว่า 2,000 โรงพยาบาล ตลอดจนแจกหน้ากากอนามัยที่ซีพีผลิตเองไปแล้วกว่า 16 ล้านชิ้น

รวมถึงบรรเทาความเดือดร้อนในชุมชนและกลุ่มผู้เปราะบางต่างๆ จนถึงขณะนี้ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นกลุ่มธุรกิจในเครือซีพีได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนกว่า 100 พันธมิตรต่างๆ ทั้งมูลนิธิ กลุ่มจิตอาสา ภาคประชาสังคมและองค์กรสื่อ ในการผนึกกำลังดำเนินโครงการ “ครัวปันอิ่มร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19” ส่งมอบข้าวกล่องปรุงสุกถูกหลักโภชนาการจำนวน 2 ล้านกล่องในระยะเวลา 2 เดือน โดยเป็นข้าวกล่องผลิตจากซีพี 1 ล้านกล่อง และอีกส่วนคือซีพีซื้อข้าวกล่องปรุงสุกจากร้านอาหารรายย่อยต่างๆอีก 1 ล้านกล่อง เพื่อช่วยเหลือและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน 40 ชุมชนในกรุงเทพฯและปริมณฑล

ตลอดจนยังเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อย ขนาดกลางและเล็กได้ดำเนินธุรกิจในช่วงนี้ต่อไปได้ ซึ่งขณะนี้ได้ร่วมมือกับพันธมิตรดำเนินการแจกจ่ายข้าวกล่องตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2564 เป็นต้นมา