ประยุทธ์ ถก คนร. เร่งคมนาคม นำเข้าหัวรถจักร-รถเมล์ลอตใหม่ อัพเดตแผนฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ 6 แห่ง อสมท พลิกขาดทุนเป็นกำไรในรอบ 5 ปี เอ็นทีรุกตลาด 5G-ดาวเทียม
วันที่ 16 มีนาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ครั้งที่ 1/2565 ว่า ได้มีการหารือเรื่องการแก้ปัญหาหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ 50 กว่าแห่ง ซึ่งมีการรายงานผลการดำเนินงานประจำปีออกมา ทั้งรายได้ดี รายได้ดีขึ้นมาก หรือดีขึ้นเล็กน้อย ก็ยังขาดทุนอยู่ ในเรื่องการให้บริการประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐวิสาหกิจ โดยกำลังทบทวนบทบาทว่าจะทำอย่างไรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
ขณะเดียวกันการดูแลประชาชนให้ได้มากขึ้น วันนี้ได้สอบถามความคืบหน้า เช่น การจัดหาหัวรถจักร คาดว่าภายในปีนี้ ขณะนี้ทยอยเข้ามาแล้ว รวมถึงรถโดยสารประจำทางใหม่ ซึ่งกระทรวงคมนาชี้แจงว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยเข้ามา
“ภายในปีนี้จะมีทั้งหัวรถจักร รถยนต์ขนส่งมวลชนรุ่นใหม่เข้ามาเสริม เป็นปัญหาเรื่องงบประมาณที่ต้องใช้ในการจัดหา พยายามเร่งรัดทุกอัน เพื่อดูแลประชาชนทุกภาคส่วน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการฟื้นฟูกิจการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นั้น ได้มีการชี้แจงในที่ประชุม ครม.ไปแล้ว ซึ่งต้องไปดูว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นมามาจากอะไร โดยสิ่งที่บริษัทการบินไทยดำเนินการแก้ไขปัญหาตรงกับแนวทางนโยบายที่ตนได้ให้ไปว่าให้ส่งสินค้าไปด้วย เมื่อเปิดประเทศ สถานการณ์นักท่องเที่ยวก็จะมากขึ้น มีเที่ยวบินเข้าประเทศมากขึ้น ก็จะมีรายได้เข้ามาบ้าง
“ประเด็นสำคัญ คือ การบริหารทรัพย์สินที่มีอยู่ ซึ่งเป็นตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นชัดเจน แต่ไม่ใช่การเพิ่มขึ้นของรายได้ที่แท้จริงของการบิน อยู่ระหว่างปรับโครงสร้าง การลดบุคลากร การขายพื้นที่เชิงพาณิชย์ ที่สุดแล้วจะทำอย่างไรให้มีเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น ทำอย่างไรให้มีคนเดินทางมากขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การเดินทางเที่ยวบินปฐมฤกษ์เบตง เป็นเรื่องของอนาคต วันหน้าต้องดีขึ้น วันแรก ๆ บริษัทผู้ประกอบการก็ยังดูว่าจะคุ้มทุนหรือไม่ในการบินแต่ละเที่ยว หากผู้โดยสารไม่เต็มเที่ยวบิน เป็นปัญหา
ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญการประชุม คนร.ว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายในการทำงานของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ว่าต้องดำเนินการให้เกิดความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม ให้เกิดผลประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน
ขอให้คณะกรรมการทุกคนทำงานด้วยความระมัดระวัง ทำหน้าที่ในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติให้ได้มากที่สุด พร้อมฝากให้คณะกรรมการทุกคนพิจารณาว่า ปัญหาในการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจมีพื้นฐานของปัญหาอยู่ตรงไหน จะแก้ไขได้อย่างไร โดยไม่เป็นการบริหารงานแบบเดิม ๆ ทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ เกิดความเชื่อมั่น ให้เดินหน้าต่อไปได้
นายธนกรกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ที่พบว่ามีผลการดำเนินงานหลายอย่างที่ดีขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาว่าเป็นการดีขึ้นจากการประกอบการจริงหรือไม่ ส่วนหนึ่งอาจเป็นรายได้จากธุรกิจอื่นมาประกอบ เช่น การใช้ประโยชน์จากที่ดิน การขายทรัพย์สินหรือให้เช่าพื้นที่ รวมทั้งการลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลง ขณะที่ในส่วนของผลการประกอบการหลักยังขาดทุนอยู่ จึงต้องแยกส่วน รายละเอียดออกจากกันให้ชัดเจน เพื่อให้เจอปัญหาที่จะต้องแก้ไขในทุกรัฐวิสาหกิจ
โดยรัฐวิสาหกิจต้องเร่งแก้ปัญหาเก่าและเดินหน้าใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนในอนาคต ซึ่งทุกอย่างขึ้นกับความร่วมมือของทุกคน ที่สำคัญที่สุดคือความโปร่งใสในการประกอบธุรกิจที่ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ ทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกัน เพื่อให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้
นายธนกรกล่าววา ที่ประชุม คนร.ได้พิจารณาในประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1.การจัดทำแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2566-2570 (แผนพัฒนารัฐวิสาหกิจ) ที่สามารถตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติและพลิกโฉมประเทศไทยสู่ความยั่งยืน โดยให้มีการกำหนดกรอบทิศทางหลักในการพัฒนารัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง เพื่อนำ 13 หมุดหมายตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (แผนพัฒน์) ฉบับที่ 13 และแผนพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ ไปสู่การปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายของประเทศได้
ซึ่งในแผนดังกล่าวจะมีนโยบายที่จะขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) และสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมทั้งการปรับรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและสามารถสนองต่อวิถีชีวิตถัดไป (Next Normal) ภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 และการสร้างความมั่นคงในด้านการค้า การลงทุน การผลิต และการเกษตรของประเทศรองรับผลกระทบต่าง ๆ จากสถานการณ์ในต่างประเทศ
นอกจากนี้ ให้สนับสนุน SMEs และมีการบูรณาการทำงานร่วมกันของรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานภาครัฐอื่น และเอกชนมากยิ่งขึ้น
2.การดำเนินการแก้ไขปัญหาองค์กรของรัฐวิสาหกิจทั้ง 6 แห่ง มีความคืบหน้าในการดำเนินงานตามลำดับ เช่น บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) (บมจ.อสมท) ได้ดำเนินการตามแผนพลิกฟื้นธุรกิจระยะสั้น ประจำปี 2564 ทำให้มีกำไรจากที่มีผลขาดทุนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ซึ่ง คนร.ได้กำชับให้มีการดำเนินการตามแผนให้เห็นผลเป็นรูปธรรมทั้งในเรื่องทางการเงินและการให้บริการประชาชนที่ดีขึ้น บริษัท เอ็นที จำกัด (มหาชน) ให้เร่งพัฒนาและบริหารจัดการระบบ 5G และดาวเทียมไทยคม ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งการจัดหารถเพื่อให้สามารถบริการประชาชนได้ดีขึ้น
3.การประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจในปี 2563 และ 2564 รัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่มีผลการประเมินที่ดีขึ้น โดย คนร.ได้มีนโยบายให้รัฐวิสาหกิจปรับตัว เตรียมการ และกำหนดแนวทางการบริหารจัดการให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งในด้านการรองรับ Next Normal การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมทั้งให้มีการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่มีมาตั้งแต่อดีตให้สำเร็จ และดูแลผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 และภาวะวิกฤตต่าง ๆ ในปัจจุบัน เช่น การเพิ่มขึ้นของราคาเชื้อเพลิง และวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ
“นายกรัฐมนตรียังกล่าวในตอนท้ายว่า ถ้าไม่เข้มแข็งในวันนี้ก็จะลำบากในวันหน้า เพราะโลกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมากขึ้น มีการเลือกข้างกันมากขึ้น ซึ่งนายกฯพยายามยืนอยู่ให้ได้เวลานี้ในเวทีโลก หลายคนมีความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่นายกฯก็มีหลักในการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ขณะนี้ เพราะเราเป็นประเทศอาเซียน เป็นประเทศเล็ก และมีปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ พอสมควร ดังนั้น การวางบทบาทของเราก็ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด” นายธนกรกล่าว
นายธนกรกล่าวว่า ที่ประชุม คนร.คาดว่าสถานการณ์การรบของรัสเซียกับยูเครน จะยังเป็นปัญหาอยู่อีกสักระยะหนึ่ง อาจจะเร็วหรือช้า ซึ่งอย่างน้อย 3 เดือนจะต้องเตรียมมาตรการทุกอย่างให้พร้อม เพราะประเทศยังมีปัญหาอีกมาก ฉะนั้น การจะนำเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดมาอุดหนุนเรื่องพลังงานอย่างเดียวคงไม่พอ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้น จึงต้องหามาตรการอื่นมาเสริมด้วย ที่ผ่านมารัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ลิตรละ 30 บาท โดยได้ใช้เงินอุดหนุนไปหลายหมื่นล้านบาท
และต่อไปต้องดูแลพลังงานอื่นอย่างก๊าซหุงต้ม แอลพีจี เอ็นจีวี ขณะที่ราคาพลังงานก็ยังมีความผันผวน แกว่งตัวขึ้นลงอยู่ทุกวัน ต้องขอให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่ารัฐบาลดูแลอย่างเต็มที่ โดยขอให้ร่วมมือและช่วยกันปรับตัวในสถานการณ์ขณะนี้ ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาและดูแลประชาชนทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่