ดอกเบี้ยขึ้นไม่หยุด ระวังหนี้เสียพุ่ง

ดอกเบี้ย
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ
ผู้เขียน : อำนาจ ประชาชาติ

เดากันเป็นส่วนใหญ่ว่า ปีนี้แบงก์ชาติ น่าจะขึ้นดอกเบี้ย ไม่ 2 ครั้ง ก็ 3 ครั้ง

หลังจากปรับขึ้นมาแล้ว 4 ครั้งติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีก่อน

ครั้งล่าสุด ก็สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา

ทำให้ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นมาที่ 1.50% ต่อปีแล้ว ซึ่งผลจากการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายรอบนี้ ทำให้สถาบันการเงินปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ตามกันหมด

แบงก์รัฐ หรือสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่เคยอั้นไว้ก่อนหน้านี้ ก็แบกต้นทุนต่อไปไม่ไหว ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25%

ส่วนแบงก์พาณิชย์ ก็ขยับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง

ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยแนะว่า ผู้กู้ควรจะต้องเตรียมตัวรับมือกับภาระค่างวดที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มรายได้ปานกลาง และมีรายได้คงที่ จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เนื่องจากจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และรายได้เริ่มบางลง

โดยรายย่อยจะได้รับผลกระทบ ในส่วนของสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อเช่าซื้อ

ขณะที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (floating rate) ก็ต้องเจอภาระค่างวดที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี แม้ว่าตอนนี้เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว แต่ก็ไม่ได้ฟื้นอย่างรวดเร็ว ครัวเรือนมีรายได้กลับมา แต่บางส่วนก็ยังไม่ได้กลับมาเท่าเดิม

เราฝากความหวังไว้ที่ภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคเป็นหลัก เพราะดูแล้วภาคการส่งออกท่าจะแย่ ส่วนการลงทุนก็ดูไม่มีอะไรเปรี้ยงปร้าง

ดังนั้น แนวโน้มการเกิดหนี้เสีย ก็ยังไม่อาจวางใจได้

โดยเฉพาะหนี้เสียของบรรดาแบงก์รัฐที่เกิดขึ้นจากช่วงสถานการณ์โควิด ล้วนเป็นลูกค้าฐานรากทั้งนั้นที่ “กู้ฉุกเฉิน” กัน ผ่านธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

ขณะที่แบงก์ชาติประกาศแล้วว่า จะไม่ต่ออายุมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่จะครบกำหนดในช่วงกลางปี 2566 นี้

ฟัง “ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) วิเคราะห์ว่า แบงก์ชาติน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะเงื่อนไขปัจจุบันที่ผ่อนคลายลงทำให้มีเวลา เพราะไม่มีปัจจัยมาเร่งมากนัก จากเดิมที่มีทั้งเรื่องเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง

ตอนนี้ทั้งสองเรื่องคลี่คลายลงแล้ว อย่างไรก็ดี ความจำเป็นในการที่ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยยังมีอยู่ แต่ไม่ใช่เพื่อเหยียบเบรกเศรษฐกิจ แต่เป็นการถอนเท้าออกจากคันเร่ง ทั้งนี้ ประเมินว่า จะเห็นแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปอย่างน้อยอยู่ที่ 2% ในปีนี้

ทั้งนี้ “ดร.พิพัฒน์” คาดว่า แบงก์ชาติจะปรับขึ้นดอกเบี้ยรวม 4 ครั้ง โดยดูจากเป้าหมายของแบงก์ชาติที่ต้องการให้เงินเฟ้อลงมาที่ระดับ 2% แต่ปัจจุบันยังอยู่กว่า 5%

ฟังแล้ว อดหนาว ๆ ร้อน ๆ ไม่ได้เลยทีเดียว

และไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมบรรดาพรรคการเมือง จึงออกมาประกาศนโยบายแนว “พักหนี้” กันครึกโครมในช่วงก่อนจะมีการเลือกตั้งนี้