ภัยการเงินระบาดไม่เลิก หน่วยงานรัฐต้อง พึ่งพาได้

ภัยการเงิน
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ
ผู้เขียน : อำนาจ ประชาชาติ

ถ้าไม่มีอุบัติเหตุอะไร…ประเทศไทยจะเดินไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ ภายในปี 2566 นี้

อย่างไรก็ดี ณ ตอนนี้ ยังยากที่จะคาดเดาได้ว่าใครจะได้เข้ามาเป็นรัฐบาล

แต่ไม่ว่าใครจะเข้ามาก็ตาม

สิ่งที่อยากเห็นการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังก็คือ การแก้ปัญหากลโกง การหลอกลวง ภัยการเงิน ภัยไซเบอร์ อาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่าง ๆ

อยากเห็นการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ลูบหน้าปะจมูก ไม่ใช่แค่การแจ้งเตือน แต่ต้องแก้ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ แก้ตั้งแต่ต้นตอของปัญหา

เพราะเรื่องนี้ สั่นคลอนความน่าเชื่อถือของระบบแบงก์

และที่สำคัญ เรื่องนี้สั่นคลอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีหน้าที่ปราบปรามผู้กระทำผิด

ทั้งนี้ ที่สั่นคลอนความน่าเชื่อถือของระบบแบงก์ ก็เพราะ… ไม่ว่าจะยกระดับเทคโนโลยีอย่างไร ก็ยังคงมี “ช่อง” ที่มิจฉาชีพจะฉวยโอกาสเข้ามาหาประโยชน์ได้อยู่เรื่อย ๆ

ส่วนที่ว่าสั่นคลอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาล และหน่วยงานภาครัฐด้านการปราบปรามต่าง ๆ ก็เพราะ… หากปล่อยให้เหล่ามิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ในขณะที่มิจฉาชีพนั้นก็ยังลอยนวลอยู่ได้ ก็คงต้องมาตั้งคำถามกันดัง ๆ ถึงความสามารถในการปราบปรามของหน่วยงานรัฐ

ลำพังจะบอกแต่ว่า ประชาชนต้องมีความรู้ ต้องเท่าทันกลโกง อย่างเดียวคงไม่ได้ หรือจะบอกว่า มิจฉาชีพอยู่ต่างประเทศ กฎหมายเอื้อมไปไม่ถึง จัดการไม่ได้ ก็คงไม่ได้

เพราะรัฐบาลที่เป็นตัวแทนประชาชน ก็ต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะดูแลประชาชน

ไม่ใช่ปล่อยประชาชนไปตามยถากรรม

ทุกวันนี้ เท่าที่เห็นความพยายามในการเข้าไปแก้ปัญหา จะเป็น “แบงก์” เป็นหลัก

ส่วนหน่วยงานอื่น ๆ ยังดูจะมีบทบาทน้อยเกินไป

ก็หวังว่า รัฐบาลชุดใหม่จะให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาภัยการเงินอย่างจริง ๆ จัง ๆ

ต้องแสดงให้เห็นว่า รัฐเป็น “ที่พึ่ง”ที่ “พึ่งพาได้” ของประชาชนอย่างแท้จริง