คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
ผลจากการที่ไม่มีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งเกินกว่ากึ่งหนึ่งในการตั้งรัฐบาลหรือได้รับคะแนนเสียงไม่ถึง 376 เสียงสำหรับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา ส่งผลให้หน้าตาของรัฐบาลชุดต่อไปจะต้องเป็นรัฐบาลผสม
จากเบื้องต้นที่มีการแถลงข่าวร่วมกันของ 8 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม พรรคเพื่อไทรวมพลัง และพรรคพลังสังคมใหม่ มีคะแนนเสียงรวมกันอย่างไม่เป็นทางการ 313 เสียง ประกาศจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจากเหตุที่ว่า เป็นพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งเข้ามาสูงสุดรวม 152 เสียง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
โดยรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังดำเนินการจัดตั้งอยู่ในขณะนี้ถูกเรียกว่า “รัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน” จากการประชุมร่วมกันครั้งล่าสุดทั้ง 8 พรรคเห็นชอบที่จะ 1) สนับสนุนหัวหน้าพรรคก้าวไกลคือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ตามเสียงข้างมากจากผลการเลือกตั้ง 2) ทุกพรรคจะจัดทำข้อตกลงร่วมหรือ MOU ในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแสดงถึงแนวร่วมในการทำงานร่วมกันและวาระร่วมของทุกพรรคเพื่อแก้ไขวิกฤตทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม
และ 3) ทุกพรรคจะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เพื่อเตรียมความพร้อมให้สามารถบริหารราชการแผ่นดินต่อจากรัฐบาลเดิมได้อย่างไร้รอยต่อด้วยความเคารพในเสียงข้างมากของประชาชน
ทว่าคำประกาศของ 8 พรรคร่วมดังกล่าวยัง “ห่างไกล” จากเป้าหมายของการเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน เนื่องด้วยยังไม่มีคำมั่นสัญญาใด ๆ ที่จะเป็นข้อ “ผูกมัด” ที่จะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน จากข้อเท็จจริงที่ว่า เสียงระหว่างพรรคร่วมอันดับ 1 กับอันดับ 2 ห่างกันแค่ 11 เสียง นโยบายในการหาเสียงของทั้ง 8 พรรคแตกต่างกันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรัฐสวัสดิการ นโยบายประชานิยม การขึ้นค่าจ้างแรงงาน ว่าด้วยมาตรา 112 และนโยบายที่เกี่ยวกับความมั่นคงและกองทัพ
ประกอบกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรียังต้องการเสียงสนับสนุนอีก 63 เสียง ซึ่งจะมีที่มาจาก 2 แหล่งคือ พรรคอื่น ๆ ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามานอกเหนือจาก 8 พรรคข้างต้น กับเสียงจากวุฒิสภาชิกที่มีอยู่อีก 250 เสียง “เต็มใจ” อย่างพร้อมเพรียงที่จะโหวตให้หรือไม่
ดังนั้นหนทางเดียวที่จะแผ้วถางทางไปสู่การเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน ก็คือ การหลอมรวมนโยบายให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โดยไม่ใช่วิธีบังคับด้วยการอ้างเสียงของคนหมู่มาก การแก้ปัญหาด้วยวิธีสงวนจุดต่าง-แสวงจุดร่วมโดยหลีกเลี่ยงประเด็นความเห็นต่างอย่างสำคัญจะไม่ใช่คำตอบสำหรับความตั้งใจที่จะเข้ามาบริหารประเทศตลอด 4 ปีข้างหน้า
- ก้าวไกล ประกาศล้มดีลไม่ดึง ชาติพัฒนากล้า ร่วมรัฐบาล หลังถูกถล่มหนัก
- ก้าวไกล น้อมรับคำวิจารณ์ ดึงชาติพัฒนากล้าร่วมโหวตพิธา เป็นนายกฯ
- เปิด MOU ลับ รัฐบาลก้าวไกล 9 พรรค ไม่มีวาระแก้ ม.112
- พรรคร่วมรัฐบาล จ่อลงนาม MOU 22 พ.ค. ครบรอบ 9 ปีรัฐประหาร
- เปิดรายชื่อ ส.ว. ประกาศจุดยืน พร้อมโหวตพิธา นั่งนายกฯคนที่ 30 ?