เอ็มโอยู รัฐบาลก้าวไกล กลายเป็น “ของร้อน” ของ 7 พรรคที่ถูกดึงเข้าร่วมเป็น “รัฐบาลก้าวไกล” 313 เสียง
เพราะหนึ่งใน “วาระ” ที่ของพรรคก้าวไกลที่ต้องการผลักดันมาช้านาน คือการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่อาจมีหลายพรรคยัง “กังขา” ในจุดยืนของพรรคก้าวไกลจะแก้ไขอย่างไร มากน้อยแค่ไหน..
หาก เรื่องมาตรา 112 บรรจุใน MOU เท่ากับ “มัดมือ” พรรคร่วมรัฐบาลในอนาคต หรือไม่ก็ “วงแตก”
ในวงแถลงข่าวตั้งรัฐบาลก้าวไกล เมื่อ 18 พฤษภาคม พรรคการเมืองพรรคใหญ่ อย่างพรรคเพื่อไทย 141 เสียง และพรรคการเมืองที่ได้เสียง ส.ส.เข้าไปในสภา เช่น พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง ต่างหาทางเลี่ยงตอบ “ของร้อน” เรื่อง MOU มาตรา 112
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า เนื้อหา เช่น 112 ก็อยู่ในเนื้อหา MOU ถ้าเราลงนาม MOU ร่วมกันก็หมายความว่ามีข้อตกลงที่สรุปจบแล้ว เป็นไปตามเงื่อนไขที่เราเสนอให้แกนนำจัดตั้งรัฐบาล คือพรรคก้าวไกล ดังนั้น ถึงขั้นตอนนั้นหัวหน้าพรรคก้าวไกลจะตอบชัดได้ว่าเป็นข้อตกลงที่เราเห็นทางออกร่วมกันได้
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทย ชัดเจน 112 ในทุกเวที ว่า หน้าที่พรรคการเมืองต้องรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ไว้ ดังนั้น การที่ไปทำอะไรที่เกิดกระทบ แล้วทำให้สถาบันเสื่อมเสีย หน้าที่ของทุกพรรคการเมืองต้องปกป้อง
ส่วนการที่ผู้มีอำนาจมาใช้ประเด็น 112 กลั่นแกล้งหรือทำร้ายบุคคล ต้องมีการพิจารณาและมาดู แต่ประเด็นที่ทำให้มาตรา 112 ปกป้องสถาบันได้อย่างดี ไม่เป็นเครื่องมือให้กับใครที่มีอำนาจไปทำร้ายคนอื่น เป็นหลักการ เรายืนยันปกป้องสถาบันและปกป้องไม่ให้นำไปทำร้าย ส่วนแต่ละพรรคมีจุดยืนอย่างไรต้องคุยกัน ไม่ใช่เรื่อง 112 อย่างเดียว แต่มีหลายเรื่องที่ต้องคุยกัน
นอกวงแถลงข่าว “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกโรงเตือนว่า “ในเอ็มโอยู จะยังไม่มีเรื่องมาตรา 112 ว่า เข้าใจว่าจะพูดคุยเรื่องนี้ แต่สำหรับพรรคเพื่อไทย คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่สร้างความแตกแยกในสังคมมาก จึงอยากให้ไปคิดดูให้ดี”
แกนนำพรรคก้าวไกลที่อยู่วงใน-ใจกลาง ศูนย์อำนาจใหม่ ยืนยันว่าเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 จะไม่บรรจุไว้ใน MOU และไม่บรรจุไว้ในแผนการทำงาน 100 วันแรกของรัฐบาลพรรคก้าวไกล โดยให้เหตุผลดังนี้
1.การแก้ไขมาตรา 112 จะไม่ถูกบรรจุไว้ใน MOU เนื่องจากมีแนวโน้มที่พรรคการเมืองมีความเห็นที่แตกต่างกัน อีกทั้ง พรรคก้าวไกลอยากแก้ให้ประณีต ผ่านกลไกรัฐสภา
2.พรรคก้าวไกลไม่บรรจุไว้ในนโยบาย 100 วันแรก หลังการเข้าเป็นรัฐบาล เพราะต้องการทำความเข้าใจของทุกฝ่ายให้ตกผลึก แก้เรื่องเฟกนิวส์ที่ทำให้สังคมเข้าใจผิดในเจตนารมณ์ของพรรคก้าวไกล
“เช่น ขณะนี้มีกระแสข่าวว่า พรรคก้าวไกลจะยกเลิกองคมนตรี ซึ่งไม่เป็นความจริง เราอยากให้สังคมคลายล็อก เข้าใจเจตนารมณ์ของพรรคก้าวไกลจริง ๆ จะเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 ก็ต้องเข้าใจด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่เข้าใจผิดเรื่องเฟกนิวส์ ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ต้องทำอย่างประณีต ถ้าเราไปหักดิบก็จะไม่ต่างกับการใช้มาตรา 44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)” แหล่งข่าวกล่าว
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงจากพรรคเพื่อไทย วิเคราะห์ว่า การที่พรรคก้าวไกลมีเอ็มโอยูร่วมรัฐบาล จะเป็นการเลี้ยงกระแสพรรคก้าวไกล และผูกมัดพรรคการเมืองขั้วฝ่ายค้านให้มาร่วมเอ็มโอยูว่าห้ามเบี้ยว ทั้งนี้ หากพรรคก้าวไกลบรรจุเรื่องแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความขัดแย้งกันสูงลงไปในในเอ็มโอยูร่วมรัฐบาล คิดว่าจะวงแตกทันที เพราะไม่มีพรรคไหนเอาด้วย
“และการเจรจาดึงเสียง ส.ว.จะยากยิ่งขึ้น เพราะ ส.ว.เป็นคนอายุรุ่นพ่อ แต่พรรคก้าวไกลอายุรุ่นลูก หากมีท่าทีที่แข็งกระด้างกดดันก็จะไม่ได้รับความร่วมมือ” แหล่งข่าวกล่าว