คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ ผู้เขียน : ณัฏฐ์พิชญ์ วงษ์สง่า [email protected]
ท่ามกลางความชุลมุนของการจัดสรรโควตาและจัดโผรัฐมนตรีของรัฐบาล “เศรษฐา” คนท่องเที่ยวต่างลุ้นกันว่าใครและพรรคไหนจะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ
และลุ้นว่ารัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ “พรรคเพื่อไทย” จะขับเคลื่อนการท่องเที่ยวต่ออย่างไร
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- ล้งกระหน่ำทุบราคามังคุด จากโลละ 200 เหลือ 60 บาท
- ทูลเกล้า 11 รายชื่อคณะรัฐมนตรี เศรษฐา 1/1 ออก 4 เข้าใหม่ 6 ตำแหน่ง
หลายคนถึงกับต้องเปิดหาข้อมูลนโยบายพรรคเพื่อไทยตอนหาเสียงว่ามีแนวทางในการกระตุ้นและขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างไรบ้าง
เมื่อเห็นเมสเสจที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า…จะมุ่งผลักดันการเปิดประตูการท่องเที่ยว ลดขั้นตอนการยื่นขอวีซ่า รวมถึงแก้ไขกฎระเบียบที่นำมาสู่ความยุ่งยากในการเข้าประเทศของนักท่องเที่ยว ทำให้ใจฟูขึ้นมาได้บ้าง
กระนั้นก็ตามธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ฯลฯ ยังเป็นกังวลเรื่องนโยบายค่าแรงที่มีเป้าหมายปรับขึ้นไปอยู่ที่ 600 บาทต่อวัน รวมถึงราคาพลังงานที่ดีดตัวสูงต่อเนื่อง เพราะผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี
ประกอบกับธุรกิจท่องเที่ยวเพิ่งก้าวผ่านวิกฤตโควิด เพิ่งออกจากห้อง ไอซียู และเริ่มหายใจด้วยตัวเองได้ จึงมองว่าการปรับขึ้นค่าแรงในช่วงปี 2 ปีนี้จึงยังไม่เหมาะสมนัก
ขณะที่ในกลุ่มผู้ประกอบการทัวร์มองว่าแนวทางของพรรคเพื่อไทยสอดคล้องและไปในทิศทางเดียวกับที่ฝ่ายเอกชนพยายามขับคลื่อน โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาเรื่องความยุ่งยากของเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
“ดร.อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์” เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) หรือสมาคมทัวร์อินบาวนด์ บอกว่า จากการติดตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของ “เพื่อไทย” หลายประเด็นสอดคล้องกับแนวทางที่ทางภาคเอกชน และสมาคมแอตต้าพยายามขับเคลื่อน โดยเฉพาะในเรื่องของมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการลดขั้นตอนของวีซ่าสำหรับประเทศจีนและอินเดีย และอาจมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า รวมถึงประเด็นการเดินทางไปเปิดตลาดใหม่ ๆ ในต่างประเทศ
หากเดินหน้าได้ตามนโยบายที่หาเสียงไว้เชื่อว่าภาคการท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นตัวดีแน่นอนในช่วงไตรมาสสุดท้าย ซึ่งเป็นไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว
เช่นเดียวกับผู้ประกอบการในฟากโรงแรมที่มองว่าหากรัฐบาลใหม่สามารถเดินหน้าอัดมาตรการกระตุ้นการเดินทางได้เร็ว และเดินตามแนวทางที่หาเสียงไว้ โดยเฉพาะการปลดล็อกเรื่องของ “วีซ่า” สำหรับตลาดจีนจะยิ่งทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยกลับมาได้เร็วขึ้น
และน่าจะทำให้โอกาสที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายเดิมได้
คงต้องดูกันว่า การปลดล็อก “วีซ่า” จะจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นจริงหรือ ?