ต้องทำงานเป็นทีม

แฟ้มภาพ
บทบรรณาธิการ

ผ่านขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ครม.ประยุทธ์ 2 รัฐบาลจากการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 8 ปี ได้เวลาเข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นทางการ ท่ามกลางแรงกดดันจากความคาดหวังของหลายฝ่ายที่ต้องการเห็นผลงานของรัฐบาลใหม่เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนเฉพาะหน้าด้านเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องค่าครองชีพ การสร้างรายได้เพิ่มให้คนในระดับฐานราก ภาคการเกษตร ผู้ใช้แรงงาน ภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำ ฯลฯ รวมทั้งผลักดันนโยบายที่เคยประกาศไว้ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง

หลากหลายประเด็นแม้เป็นเรื่องยาก แต่เป็นหน้าที่ที่นักการเมืองซึ่งขันอาสาเข้ามาทำงานต้องพิสูจน์ฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์ ลบคำสบประมาทที่อาจถูกมองว่าได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีด้วยเหตุผลทางการเมือง แทนที่จะเน้นความสามารถในการบริหาร

ขณะเดียวกันก็ต้องทำงานเป็นทีมเวิร์ก แปรวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการปรับเปลี่ยนจุดอ่อนการเป็นรัฐบาลผสม 19 พรรคให้มีความเป็นเอกภาพ การบริหารราชการแผ่นดินจะได้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุด ไม่ใช่ต่างคิดต่างทำเพียงเพื่อหวังผลในทางการเมืองโดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้น

เพราะการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาหลายเรื่องมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับหลายหน่วยงาน บางเรื่องยุ่งยากซับซ้อนต้องอาศัยการประสานงานทั้งระดับนโยบาย และฝ่ายปฏิบัติ การบูรณาการทำงานระหว่างกระทรวง กรม จนถึงระดับพื้นที่ จึงสำคัญและจำเป็นที่รัฐบาลผสมต่างพรรค ต่างนโยบายต้องรวมใจเป็นหนึ่งเพื่อทำหน้าที่ให้บรรลุเป้าหมาย

นอกจากนี้ต้องมีสปิริต เปิดกว้างรับฟังข้อเสนอแนะและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ท้วงติง ทั้งจากพรรคฝ่ายค้าน ประชาชน ภาคเอกชน ด้วยการนำเสียงติเพื่อก่อที่เป็นประโยชน์ไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เพื่อให้การทำงาน การเดินหน้านโยบายต่าง ๆ เป็นไปอย่างราบรื่นรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยไม่ถือเป็นการเสียหน้า หรือทำให้อีกฝ่ายได้คะแนนหรือเครดิต

สำคัญที่สุดคือต้องยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม บริหารราชการแผ่นดินด้วยความสุจริตโปร่งใส ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์รัฐบาลพรรคการเมืองที่เคยถูกมองทางลบช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เปิดมิติใหม่ให้สาธารณชน ประชาชนศรัทธา เชื่อมั่นมากขึ้น

รัฐบาลจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบจะได้หยั่งรากฝังลึก เสริมสร้างภาพลักษณ์ชื่อเสียงประเทศไทยให้ได้รับการยอมรับและเชื่อมั่นจากนานาประเทศยิ่ง ๆ ขึ้นไป