บทบรรณาธิการ
การกำหนดมาตรการ lockdown ภายใต้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบกับทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจอย่างหนัก
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
โดย 1 ในผลกระทบที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากมาตรการของรัฐอย่างเห็นได้ชัดก็คือ “ค่าไฟฟ้า” ที่ปรับสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 1 เท่าตัวได้กลายเป็นความเดือดร้อนไปทั่วท่ามกลางการหยุดชะงักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ “รายได้” ของประชาชนและภาคธุรกิจลดลง จนกลายเป็นเสียงร้องเรียนที่ดังขึ้นจากทุกภาคส่วน ซึ่งมีส่วนอย่างสำคัญให้รัฐบาลตัดสินใจดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19
แม้ว่าในช่วงแรกจะเป็นการดำเนินมาตรการที่กระท่อนกระแท่น หรือสามารถบรรเทาผลกระทบได้น้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าไฟฟ้าให้แค่ 3% การขยายเวลาชำระค่าไฟฟ้า หรือการให้ใช้ไฟฟ้า “ฟรี” แค่ 90 หน่วยต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน
ส่งผลให้รัฐบาลต้องออกมาตรการช่วยเหลือ “เพิ่มเติม” ขึ้นมาใหม่ ด้วยการขยายจำนวนผู้ที่จะได้ใช้ไฟฟ้าฟรีจาก 90 หน่วย เป็น 150 หน่วย กับการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าระหว่าง 50-70% แต่ดูเหมือนว่ามาตรการเพิ่มเติมเหล่านี้ก็ยังไม่เพียงพอกับความเดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาคธุรกิจ ได้ยื่นข้อเสนอโดยตรงต่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
ขอให้ขยายระยะเวลา “ยกเว้น” การเรียกเก็บค่าไฟฟ้าขั้นต่ำ หรือ minimum charge ออกไปอีก 3 เดือน เพื่อที่จะได้จ่ายค่าไฟฟ้าตามจริง รวมไปถึงขอคืนเงินค่าประกันการใช้ไฟฟ้าด้วย
อย่างไรก็ตาม มาตรการบรรเทาผลกระทบที่รัฐบาลทยอยออกมาเพื่อช่วยประชาชนและภาคธุรกิจ อีกด้านหนึ่งก็จะกระทบกับ “รายได้” ของผู้ผลิตไฟฟ้าด้วย จากการประเมินเบื้องต้นพบว่า กฟน.-กฟภ. ที่ส่งรายได้ติด 1 ใน 10 ให้รัฐบาลมากที่สุดก็จะได้รับผลกระทบไม่น้อยไปกว่า 50,000 ล้านบาท
นั่นหมายถึง “กำไร” จากผลการดำเนินกิจการไฟฟ้าจะต้องลดลง กระทบไปถึงการลงทุนในระบ[สาธารณูปโภคด้านไฟฟ้าที่วางเอาไว้ และแน่นอนที่ว่าการนำส่งเงินให้รัฐบาลก็จำเป็นต้องลดลง สะท้อนกลับมายังข้อเรียกร้องของประชาชนและภาคธุรกิจ “จำเป็น” ที่จะต้อง “เข้าใจ”ภาระที่เกิดขึ้นจากมาตรการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น
และจำต้องช่วยกันประคับประคอง ทั้งผู้ใช้ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้ไฟฟ้าลง การลดค่าใช้จ่าย-โบนัส-เงินตอบแทนในส่วนของผู้ผลิตไฟฟ้า เพื่อที่จะนำพาประเทศไทยฟันฝ่าช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19 ไปให้ได้