ครม.แจกเงินฟรีอีกรอบ

ประยุทธ์ แจกเงิน
คอลัมน์ สามัญสำนึก
อิศรินทร์ หนูเมือง

การแจกเงินประชาชนทุกชนชั้นรอบล่าสุด ตามมติ ครม. 5 พฤษภาคม 64 ใช้เงินกู้ล้วน ๆ 245,500 ล้านบาท

เป็นการแจกเงินในจำนวนต่อหัว อย่างถูกกฏหมาย มากที่สุดในประวัติศาสตร์การแจก ที่คนไทยทั้งประเทศ จะไม่เล็ดลอดจากการแจกเงิน กว่า 51 ล้านคน

ภายใต้ 9 มาตรการ เพื่อเยียวยา-กระตุ้นเศรษฐกิจจากพิษโควิด-19

ที่หวังให้เม็ดเงินหมุนเข้าระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 473,000 ล้านบาท

แถมมีการันตี หากใช้จ่ายรอบนี้ยังไม่กระเตื้อง มีระบาดกว้างขวางระลอกที่ 4 รัฐบาลรับประกัน การกู้เพิ่ม

มาตรการที่รัฐบาลสั่งการ ให้หน่วยงานเบิก-จ่าย ทำทันที คือ มาตรการลดค่าไฟฟ้า ลดค่าน้ำประปา เป็นระยะเวลา 2 เดือน (พฤษภาคมถึงมิถุนายน 2564)

ตามด้วยการให้ผู้มีปัญหาเงินขาดมือ-ขาดสภาพคล่อง ไปขอสินเชื่อฉุกเฉินจากธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้มีรายได้ประจำ เช่น พนักงาน/ลูกจ้าง หน่วยงานเอกชนที่มีเงินเดือนประจำ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า แม่ค้า หาบแร่แผงลอย และเกษตรกรรายย่อยหรือลูกจ้างภาคการเกษตรที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ (flat rate) ไม่เกินร้อยละ 0.35 ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี (ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก) จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564

ในการนี้รัฐบาลชดเชยหนี้ NPLs 100% สำหรับ NPLs ที่ไม่เกิน 50% ของสินเชื่อจาก 2 สถาบันการเงินดังกล่าว ที่อนุมัติทั้งหมด 20,000 ล้านบาท หรือรวมไม่เกิน 10,000 ล้านบาท

แถมด้วยมาตรการพักหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFls) เป็นการขยายระยะเวลาพักชำระหนี้ให้แก่ลูกค้ารายย่อยออกไปจนถึง 31 ธันวาคม 2564

สำหรับมาตรการที่ทุกคนในประเทศนี้ รอคอย คือ การบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในระยะเร่งด่วน จะเริ่มในเดือนมิถุนายน 2564 ประกอบด้วย

โครงการ “เราชนะ” ที่มีคนได้รับการแจกเงิน 32.9 ล้านคนด้วยการแจกเงินช่วยเหลือให้อีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ เริ่มโอนเงิน 20 พฤษภาคม และ 27 พฤษภาคม รวม 2,000 บาท มีเวลาใช้เงินสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2564

ตามด้วยกลุ่มมนุษย์เงินเดือน ที่มีเงินฝากไม่เกิน 5 แสนบาทจำนวน 9.27 ล้านคน จะได้แจกเงินในนามของโครงการ “ม.33เรารักกัน” โดยรัฐบาลจะโอนเงินให้อีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท อีก 2 สัปดาห์ เริ่มโอนเงิน 24 พฤษภาคม และ 31 พฤษภาคม รวม 2,000 บาท ใช้จ่ายถึง 30 มิถุนายน 2564

จากนั้นครึ่งปีหลัง ในช่วงเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564 รัฐบาลจะทุ่มจ่ายต่อเนื่องอีก 140,000 ล้านบาท ด้วยโครงการแจกเงิน แบบ “คนละครึ่ง” และ “แจกตรง” อีก 4 โปรเจ็กต์ คือ

1.โครงการ “เพิ่มกำลังซื้อ” ให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 จำนวน 13.65 ล้านคน แจกเงินเพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน (กรกฎาคม-ธันวาคม 2564) รวมคนละ 1,200 บาท

2.โครงการ “เพิ่มกำลังซื้อ” ให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษในกลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 2.5 ล้านคน แจกเงินให้เพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน (กรกฎาคม-ธันวาคม 2564) ได้เงินรวมคนละ 1,200 บาท

3.โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 จะแจกเงินให้กลุ่มคนที่ลงทะเบียนไว้แล้ว 31 ล้านคน รายละ 3,000 บาท และเปิดลงทะเบียนรายใหม่เพิ่มอีก 16 ล้านคน เริ่มใช้จ่ายเงินส่วนนี้ได้ในเดือนกรกฎาคม

4.โครงการใหม่เอี่ยมสำหรับผู้มีรายได้สูง ที่รัฐบาลคำนวณว่ามี 4 ล้านคน ในนามของโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” โดยรัฐบาลจะแจก e-Voucher ให้ประชาชนที่ใช้จ่ายซื้อสินค้า อาหารและเครื่องดื่มค่าบริการกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไม่เกิน 5,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคนต่อวัน ในช่วงกรกฎาคมถึงกันยายน 2564 และนำ e-Voucher ไปใช้จ่ายในเดือนสิงหาคมถึงธันวาคม 2564

โครงการใหม่นี้อาจต้องแลกว่าประชาชนจะรับเงิน “คนละครึ่ง 3,000 บาท” หรือจะรับ e-Voucher “ยิ่งใช้ยิ่งได้” สูงสุด 7,000 บาท

การระบาดรอบที่สามนี้ รัฐบาลแจกเงินฟรีถ้วนหน้า 51 ล้านคน