ทฤษฎีปราบโควิด

Photo by AFP
คอลัมน์ สามัญสำนึก
เมตตา ทับทิม

มีทฤษฎีอะไรที่จะปราบโควิด-19 ได้

เริ่มต้นเดือนสุดท้ายของไตรมาส 2/64 ณ วันที่ 1 มิถุนายน โรคระบาดโควิดยังดำเนินต่อไป ดราม่าวัคซีนยังดำเนินต่อไป ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป

ประเทศไทยอยู่กับโควิด 2 ขวบปี ไตรมาส 2/64 เหมือนจะเป็นไตรมาสอาถรรพ์ ยิ่งควบคุมยิ่งระบาด คล้าย ๆ จะอย่างนั้น นาทีนี้คลัสเตอร์โควิดในแคมป์คนงานเกิดใหม่เป็นข่าวรายวัน

มีโอกาสได้คุยกับบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นข้าราชการนักปฏิบัติ “พญ.ป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์” ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ซึ่งจริง ๆ แล้วตั้งใจไปเจาะสัมภาษณ์ปลัด กทม. ท่านศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ แต่พอถามเกี่ยวกับงานตรวจเฝ้าระวังโควิด ปลัดท่านก็ชี้เป้าให้คุยกับหมอป่านแทน

basically “พี่หมอป่าน” บอกว่า การควบคุมโรคระบาดมีทฤษฎี 3 เหลี่ยม “คน-เชื้อโรค-สภาพแวดล้อม” แน่นอนว่าเราคุมเชื้อโรคไม่ได้ (เพราะถ้าคุมได้คงไม่กลายพันธุ์ตะพึดตะพือแบบทุกวันนี้) แต่เราคุม “คน” กับ “สภาพแวดล้อม” ได้

สำนักอนามัย กทม.มีเครือข่าย 69 ศูนย์บริการสาธารณสุข พื้นที่กรุงเทพฯมี 50 เขต 180 แขวง การทำงานภาคสนามก็เลยต้องแบกพื้นที่รับผิดชอบ 1 ศูนย์ ต่อ 1 เขต หรือครึ่งเขต

เรื่องงานล้นมือไม่ต้องพูดถึง นึกภาพออกมาได้ว่าทำงานกันทั้งวันทั้งคืน กลางวันคนตื่นเจ้าหน้าที่ตื่น กลางคืนคนเข้านอนแต่เจ้าหน้าที่ยังต้องประสานงานต่าง ๆ นานา เพื่อให้กลางวันพรุ่งนี้งานภาคสนามต้องไม่สะดุด

สิ่งที่คนเข้าใจผิดก็คือ เวลาติดโควิดหรือเจอกลุ่มก้อนการระบาด ถนนทุกสายมุ่งมาที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข

สิ่งที่ “หมอป่าน” อยากให้ประชาชนทั้งหลายเข้าใจให้ถูกก็คือ การควบคุมโรคระบาดที่ได้ผลดีที่สุด คือ เริ่มต้นที่ตัวเรา เพราะเราคือ “คน” ใน 3 เหลี่ยมการควบคุมโรค

สำหรับคนธรรมดาทั่วไป การดูแลตัวเองกับสภาพแวดล้อมทำได้ทันที ทำได้ทุกวัน และต้องทำอย่างเข้มงวด แค่กินร้อน-ช้อนกู-อยู่ห่างไกลนี่แหละ

ส่วนคนที่เป็นนิติบุคคล นอกจากดูแลคน-องค์กรแล้ว แต่ยังมีอีกระดับที่ต้องทำอย่างเข้มข้นก็คือ ดูแลสภาพแวดล้อมในองค์กรให้ดีที่สุด

ยกตัวอย่างแคมป์คนงานก่อสร้าง ซึ่งก็น่าแปลกใจทำไมติดโควิดแค่บางแคมป์ ทำไมไม่ติดโควิดทุกแคมป์

เหตุผลก็เพราะถ้าเป็นแคมป์สะอาด มีระบบสุขาภิบาลที่ดี เรากำลังพูดถึงที่อยู่ที่กินของคนงาน ว่ากันตั้งแต่ประตูหน้าต่างห้องนอนที่สามารถเปิดให้อากาศถ่ายเท การทำอาหารที่เป็นหน้าที่ต้องฝึกอนามัยให้ล้างมือก่อนปรุงทุกครั้ง การนั่งรับประทานอาหารที่ต้องมี distancing 1-2 เมตร

เจ้าของแคมป์ต้องสอนต้องจัดให้แม้กระทั่งการใช้ช้อนกลาง ช้อนกู การอาบน้ำ รวมต้องดูแลให้ใช้อุปกรณ์แยกส่วนตัว ขันใครขันมัน จะให้แยกห้องอาบน้ำส่วนตัวอาจฟังดูดัดจริตไปนิดหนึ่ง ห้องน้ำห้องส้วมต้องสะอาด ระบบน้ำทิ้งก็ต้องมี

ระบบสุขาภิบาลในแคมป์เรียกรวม ๆ ว่า คุณภาพชีวิตคนงานนั่นเอง

ที่ผ่านมาเจ้าของแคมป์รายไหนลงทุนทำแคมป์สะอาด เชื่อว่าท่านก็ยังกินอิ่มนอนหลับ ส่วนเจ้าของแคมป์ใดที่ละเลย อืมม์ ไม่แน่ใจว่ารวมถึงโลภด้วยรึเปล่า รับเงินค่างานสูง ๆ แต่ลงทุนคุณภาพชีวิตในแคมป์ต่ำ ๆ เจอโควิดเข้าไปทีเดียวความลับในแคมป์แตกดังโพละ

ตรวจหาเชื้อเจอ 5% หลวงก็สั่งปิดแคมป์ 3 วันเพื่อรีวิวระบบสุขาภิบาลในแคมป์ เจอผู้ป่วยโควิด 10% ถูกสั่งทำ bubble & seal ห้ามเข้า-ออกแยกคนป่วยรักษา คนไม่ป่วยยังทำงานต่อได้

อย่าให้อาการหนักถึงขนาดเจอผู้ติดเชื้อถล่มทลายจนต้องปิดแคมป์ เพราะคนที่กลุ้มหนักสุดคือเจ้าของคนเดียวเลย กิจกรรมเศรษฐกิจในแคมป์ต้องหยุดหมด

ถ้าโควิดพูดได้คงอยากบอกเจ้าของแคมป์ เจ้าของบริษัททั้งหลายว่า เราเตือนท่านแล้ว ถ้าท่านร่ำรวยมากมายแต่ไม่ดูแลคุณภาพชีวิตลูกน้องของท่านให้ดี ท่านจะถูกโรคระบาดอย่างเราโจมตีทันที เข้าใจตรงกันนะ


ก่อนจบขอฝากทฤษฎีปราบโควิดฉบับประชาชน กินร้อน ช้อนกู อยู่ห่างไกล 1-2 เมตร และอย่าลืมฉีดวัคซีน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ การ์ดอย่าตกค่ะ