คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ ณัฐวุฒิ ประชาชาติ
วิกฤตโควิด-19 ระลอก 3 ระลอก 4 ในเมืองไทย ไม่มีใครตอบได้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด ลากยาวไปอีกกี่เดือน
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
- มอเตอร์โชว์ 2024 เริ่มแล้ว
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย CB หุ้น JKN เริ่มพรุ่งนี้
การบริหารเตียงรักษาผู้ป่วย การบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาลไทย เกิดการตั้งคำถามอย่างหนักจากสังคม เมื่อวัคซีนไม่มาตามนัด ผู้มีอำนาจ “แทงม้า” (วัคซีน) ตัวเดียว ไม่กระจายความเสี่ยง
และหลายเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการวัคซีน กลายเป็นประเด็น “ปริศนา” ที่สังคมพยายามทวงถามคำตอบ
ฝ่ายบริหารระดับรัฐมนตรีไปจนถึงท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไปคนละทางกับฝ่ายสาธารณสุข
การฉีดวัคซีนไขว้ระหว่างแอสตร้าเซนเนก้ากับซิโนแวค ยังอึมครึมว่าทำได้-ไม่ได้ อันตราย-ไม่อันตรายอย่างไร กลายเป็นดราม่าให้คนไทยเป็น “หนูทดลอง”
หากมองการรับมือโควิด-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียน นอกเหนือจากการรายงานตัวเลขติดเชื้อรายวัน-รายสัปดาห์ว่าประเทศไหนติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ตามตัวเลขของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.)
การรับมือโควิด-19 ของรัฐบาลสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าสื่อสารกับพลเมืองในยามวิกฤตได้ดีที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ถือเป็น “ตัวแบบ” เล็ก ๆ ง่าย ๆ ที่รัฐบาลไทยน่าเอาแบบอย่าง
โดยเริ่มจากความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ต่อยอดถึงวิธีการสื่อสารกับพลเมืองสิงคโปร์ที่ปัจจุบันรัฐบาลสิงคโปร์พยายามฉายความคิด new normal ว่า โควิด-19 จะไม่หมดไปจากชีวิต และต้องอยู่ร่วมกับไวรัสให้ได้อย่างปกติใหม่ รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อให้น้อยลง
รัฐบาลสิงคโปร์ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น YouTube ในช่อง gov.sg เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงพลเมือง
ผลิต content ให้ความรู้เกี่ยวกับคนวัยสูงอายุ วัยทำงาน มีครอบครัว คนรุ่นใหม่ ผ่านมิวสิกวิดีโอ หรือคลิปวิดีโอสั้น ๆ ที่ดูแล้วไม่น่าเบื่อ
ตัวอย่าง คลิปที่ชื่อว่า Together, towards a new normal เปิดฉากคลิปด้วยแอร์โฮสเตสในชุดสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ยืนต้อนรับที่สนามบินชางงี เพื่อ “บรีฟ” การใช้ชีวิต new normal ผ่านตัวละครอื่น ๆ ที่ทยอยเปิดหน้าร้องเพลงในท่อนถัด ๆ ไป
ในคลิปดังกล่าวเพียงคลิปเดียว บอกครบทุกเรื่อง ทั้งวิธีใช้ชุดตรวจโควิด-19 แบบ test kit ด้วยตัวเองที่บ้าน การพก Token คล้าย ๆ พวงกุญแจเพื่อให้รู้ว่าในแต่ละวันไปที่ไหนมาบ้าง โดยไม่ต้องสแกนมือถือแบบ “ไทยชนะ” และชวนให้คนไปฉีดวัคซีนในคอนเซ็ปต์
LET’S TEST
LET’S TRACE
LET’S VACCINATE
หรืออีกคลิปหนึ่งใช้ชื่อว่า Let’s Get Vaccinated #IGotMyShotSG ชวนให้คนรุ่นใหม่ไปฉีดวัคซีน เปิดคลิปด้วยการให้ YouTuber สิงคโปร์ที่เคยติดโควิด-19 มาเล่าประสบการณ์แล้วค่อย ๆ ปูเรื่องไปสู่การฉีดวัคซีน
มีนักเทคนิคการแพทย์ ด้านภูมิคุ้มกันวิทยา มาพูดถึงความเป็นมาของวัคซีนตัวหลักที่ใช้คือชนิด mRNA
ใช้ “หมอฉุกเฉิน” มาเล่าถึงความจำเป็นของการฉีดวัคซีน
ใช้บาริสตา-นักแสดงวัยรุ่นพูดถึงผลข้างเคียงการฉีดวัคซีน เพื่อสื่อสารว่าร่างกายกำลังสร้างภูมิคุ้มกัน
เวลา 1 นาที 30 วินาทีของคลิป คนก็เข้าใจได้ทุกอย่าง
และเนื่องจากประเทศสิงคโปร์มีคนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ ทั้งชาวจีน-ชาวมาเลเซีย-ชาวอินเดีย จึงมี subtitle เพิ่มขึ้นมา 3 ภาษา คือ ภาษาจีน ภาษามาเลย์ ภาษาทมิฬ
ยังมีรายการ Expert Explain for student นำดาราที่มีบทบาทเป็น “แม่” ในชีวิตจริงมาคุยกับ “หมอ” เรื่องโควิด-19 เพื่อสื่อสารไปยังเด็กนักเรียน
มีรายการบันเทิง “ภาษาจีน” ที่สอดแทรกเรื่องโควิด-19 ให้กับผู้สูงอายุชาวจีนโดยเฉพาะ
แค่เรื่องการ “สื่อสาร” กับพลเมือง “สิงคโปร์” ยังไปในแนวทางเดียวกันเป็นเอกภาพและมีคุณภาพ
ตัดกลับมาที่ YouTube หรือช่องทางโซเชียลอื่น ๆ ของรัฐบาลไทยอย่าง “ไทยคู่ฟ้า” ที่ใช้ในการ “สื่อสาร” กับพลเมืองไทย จะพบความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
เพราะมีเพียงแค่การแถลงผลประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) การแถลงของโฆษกรัฐบาล การแถลงของนายกรัฐมนตรี เป็นหลัก
แต่การโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีนจริง ๆ ไปแทรกอยู่ใน “โฆษณา” สั้น ๆ ทางโทรทัศน์ บนรถไฟฟ้า ในช่วงจังหวะที่คนออกนอกบ้านน้อยลง และคนเปิดดูโทรทัศน์น้อยลง
อีกทั้ง ช่องทางการเผยแพร่คลิปวีดีโอโฆษณาเชิญชวนให้คนฉีดวัคซีนของคนไทย ไม่ได้อยู่ในช่องหลักของรัฐบาล แต่ไปอยู่ในช่อง Youtube ของกรมควบคุมโรค และ Tiktok ในรูปแบบ “กึ่งทางการ” มากกว่า
แม้ว่า การรณรงค์ให้คนไทยไปฉีดวัคซีนในเวลานี้ อาจจะยังไม่เป็นปัญหาเท่ากับ วัคซีนยังมีไม่เพียงพอสำหรับความต้องการ ท่ามกลางเสียงตำหนิรัฐบาลเต็มเฟซบุ๊ก – โซเชียลมีเดียในเมืองไทย
แต่รัฐบาลก็น่าจะลองนำมาใช้