ชั้น 5 ประชาชาติ สาโรจน์ มณีรัตน์
มานั่งนึกเล่น ๆ ว่า เมื่อก่อนทำไมคนถึงไม่ค่อยสนใจเรียนทางออนไลน์กัน ทั้ง ๆ ที่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกของหลาย ๆ ประเทศต่างเปิดคอร์สออนไลน์ให้เรียนกันค่อนข้างมาก
ทั้งในระดับปริญญาโท
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ปริญญาเอก
รวมถึงหลักสูตรเฉพาะทางต่าง ๆ
แต่กลับไม่ค่อยมีผู้สนใจเรียน ทั้งนั้น อาจเป็นเพราะนักศึกษาต่างต้องการไปเรียนที่มหา’ลัยมากกว่า เพราะเป็นการเปิดประสบการณ์ตรงสำหรับการศึกษาต่อในต่างประเทศ
ที่ไม่เพียงจะมีเพื่อนใหม่ ๆ
ยังทำให้มีคอนเน็กชั่นกับเพื่อนต่างแดนด้วย เพราะหลังจากเรียนจบ เพื่อน ๆ เหล่านี้อาจชักชวนไปทำงาน ตั้งบริษัท หรือแนะนำให้ไปสมัครงานตามประเทศต่าง ๆ
มองเผิน ๆ เหมือนเป็นเรื่องที่ดี
แต่ในความเป็นจริง การที่พ่อแม่ส่งลูกหลานไปเรียนเมืองนอกแต่ละครั้งใช้เงินค่อนข้างมาก คนที่ครอบครัวแข็งแรงคงไม่มีปัญหา
แต่คนที่ครอบครัวไม่แข็งแรง
สถานะการเงินไม่ดีมาก การส่งลูกไปเรียนเมืองนอกแต่ละครั้งอาจต้องขายที่ขายทางแบบคนสมัยก่อนกันเลยทีเดียว ยกเว้นแต่ว่าลูกหลานของเราสอบชิงทุนของรัฐบาลได้
หรือมีทุนของสถานทูตต่าง ๆ รับรองให้บุตรหลานไปเรียนหนังสือ ซึ่งก็ถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งของครอบครัวนั้น ๆ ไป
แต่หลังจากเกิดมหันตภัยไวรัสร้ายแพร่ระบาดไปทั่วโลก ปรากฏว่าหลายมหาวิทยาลัยบนโลกใบนี้ต่างหันมาใช้วิธีการเรียนทางออนไลน์แทน
มีเวลานัดหมายชัดเจน
ตอนเรียนก็สามารถโต้ตอบผ่านแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้อย่างไม่น่าเบื่อ จนทำให้ผู้เรียนรู้สึกว่าการเรียนทางออนไลน์ก็สนุกไปอีกแบบ
ตื่นมาก็เรียนได้เลย
ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
ประหยัดค่าใช้จ่ายทุกอย่าง
ยกเว้นค่าน้ำค่าไฟที่บ้านเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น
จนเมื่อเร็ว ๆ นี้ สถาบันการเรียนรู้แห่งหนึ่งออกมาระบุว่า ปัจจุบันมีผู้สนใจเรียนคอร์สออนไลน์ และจากห้องเรียนเสมือนจริงสูงถึง 70% ทั้งยังทำท่าว่าตัวเลขจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะมีคนเรียนประมาณ 20% เท่านั้น
ผมเห็นตัวเลขเหล่านี้ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร
แต่ที่แปลกใจ น่าจะเกี่ยวข้องกับเนื้อหาการเรียนมากกว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนการเรียนออนไลน์มักจะเป็นนักศึกษาปริญญาโท ปริญญาเอก หรือผู้บริหารตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป
ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับงานวิชาการ
หรือหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้นำ
แต่ตอนนี้เนื้อหาที่เรียนต่างเกี่ยวข้องกับอาชีพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร+เบเกอรี่, การเกษตร, ปลูกกล้วยไม้, เลี้ยงปลาเศรษฐกิจ, ปลาสวยงาม และอื่น ๆ อีกมากมายที่เรียนแล้วสามารถนำไปประกอบอาชีพได้เลย
ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?
คำตอบก็อย่างที่ทราบ ๆ กัน เพราะเศรษฐกิจโลกอันส่งผลต่อเศรษฐกิจของบ้านเราอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงที่เกิดจากมหันตภัยไวรัสร้าย จนทำให้หลายบริษัทปิดตัวลง
หลายบริษัทเลิกจ้างพนักงาน
หลายบริษัทย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น
หรือหลายบริษัทลดขนาดขององค์กรลง จนทำให้ต้องตัดความจำเป็นบางส่วนออกไป แล้วหันไปจ้างเอาต์ซอร์ซให้มาช่วยทำงานแทน
หรือไม่บางบริษัทก็ใช้เทคโนโลยีเอไอเข้ามาช่วย
ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้จึงทำให้ความสนใจของผู้คนไม่ว่าจะทำงานในตำแหน่งไหน ต่างพยายามเสาะแสวงหาความรู้ เพื่อนำอาชีพที่ร่ำเรียนจากโลกออนไลน์มาเลี้ยงตัว และครอบครัวให้ได้ในที่สุด
ซึ่งผิดกับเมื่อก่อนมาก
ใครเล่าจะเชื่อว่า นักบิน, สจ๊วต และแอร์โฮสเตสจะตกงานกะทันหัน และใครเล่าจะเชื่อว่าบุคลากรเหล่านี้จะหันมาให้ความสนใจในเรื่องของอาชีพออนไลน์
หรือใครเล่าจะเชื่อว่า ไกด์, ธุรกิจบริการโรงแรมทุกฝ่ายจะตกงาน เพราะแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะอย่างที่ทุกคนทราบกัน ธุรกิจท่องเที่ยวของเมืองไทย และหลายประเทศทั่วโลกที่มีความสวยงามของธรรมชาติเป็นจุดขาย
แต่อยู่มาวันหนึ่งกลับไม่มีนักท่องเที่ยวเลยไกด์ก็ไม่รู้จะทำอะไร ?
พนักงานบริการของโรงแรมต่าง ๆ ก็ไม่รู้จะตื่นขึ้นมาทำอะไร ?
ผมถึงบอกว่า มหันตภัยไวรัสร้ายครั้งนี้มันเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ และเปลี่ยนให้คนที่อยู่สุขสบายกลายเป็นคนลำบากทันที
คนปรับตัวได้ก็อยู่รอด
แต่สำหรับคนที่ปรับตัวไม่ได้ก็อย่างที่เราเห็นตามข่าวต่าง ๆ
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก
ฉะนั้น จึงไม่แปลกใจหรอกที่ทำไมคอร์สออนไลน์จึงได้รับความนิยมค่อนข้างมาก โดยเฉพาะคอร์สที่เกี่ยวกับอาชีพ หรือแม้แต่ยูทูบเบอร์ที่นำเสนอเกี่ยวกับการทำอาหารต่าง ๆ ก็มียอดวิวเป็นล้าน ๆ วิว
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่ตอนนี้กำลังเกิดขึ้นแล้ว
และทำท่าว่าจะไปในแนวทางนี้อีกนาน
ไม่เชื่อลองติดตามดู ?