OR แปลงร่างเป็น RO นับถอยหลังธุรกิจน้ำมัน

คอลัมน์ : สามัญสำนึก
ผู้เขียน : สุดใจ ชาญชาตรีรัตน์

คนเปลี่ยน-โลกป่วน-ธุรกิจปรับ
แม้วันนี้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่

แต่ต้องยอมรับว่าเชื้อเพลิง “น้ำมัน” กำลังถูกมองว่าเป็น “ผู้ร้าย” ของโลกเพราะเป็นพลังงานที่ก่อมลพิษ ดังนั้นทั่วโลกจึงพยายามลดบทบาทของเชื้อเพลิง “น้ำมัน”

ดังนั้น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือรู้จักกันในชื่อ “โออาร์” จึงวางยุทธศาสตร์ new chapter

“จิราพร ขาวสวัสดิ์” ซีอีโอคนแรกของโออาร์ ที่กำลังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับโออาร์ ในช่วงการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจน้ำมัน

โดยระบุว่า จากปี 2021 โออาร์มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) มูลค่า 18,000 ล้านบาท ปักธงว่าในปี 2030 จะมีกำไรจากการดำเนินงานก้าวกระโดดเพิ่มเป็น 40,000 ล้านบาท

พร้อม ๆ กับการเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจใหม่ของ “โออาร์” จากเดิมที่สัดส่วนกำไร 75% มาจากกลุ่มธุรกิจน้ำมัน, 21% มาจากกลุ่มธุรกิจค้าปลีก และ 3% มาจากธุรกิจต่างประเทศ

new chapter ของโออาร์ คือ กลุ่มธุรกิจค้าปลีกจะขึ้นมาเป็นหัวหอกในการทำกำไร สัดส่วนถึง 50% ภายในปี 2030 ขณะที่ธุรกิจพลังงานจะลดสัดส่วนเหลือ 31% และธุรกิจต่างประเทศก็ขยับสัดส่วนขึ้นมาเป็น 20-21%

เรียกว่าจากปัจจุบัน “OR” (Oil and Retail) อนาคตจะเปลี่ยนเป็น RO (Retail and Oil)

ขณะเดียวกัน ในส่วนของ “พีทีที สเตชั่น” ก็เตรียมทรานส์ฟอร์มจาก “ปั๊มน้ำมัน” เป็นสถานีชาร์จรถอีวีมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มหันมาใช้รถอีวีมากขึ้น

ส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายรัฐบาลที่ช่วยทั้งการลดภาษีนำเข้า และเงินอุดหนุนให้กับผู้บริโภคทำให้สามารถซื้อรถอีวีในราคาถูกลง ทำให้คนไทยเข้าถึงรถอีวีได้ง่ายขึ้น ประกอบกับในยุค “น้ำมันแพง” ทำให้คนไทยตอบรับกับรถอีวีรวดเร็วมากขึ้น

เรื่องนี้ “จิราพร ขาวสวัสดิ์” เล่าว่า บริษัทมีแผนเร่งปูพรมสถานีชาร์จ 7,000 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2030 จากปัจจุบันมี 106 แห่ง และจะขยายเป็น 450 แห่งภายในสิ้นปีนี้ เรียกว่าเป็นการเร่งสปีดตามเทรนด์ของผู้บริโภคที่หันมาให้ความสนใจรถอีวีมากขึ้น

พร้อมกับการพัฒนาแอป “PTT Station PluZ” ช่วยในการวางแผนการเดินทาง และจองคิวสถานีชาร์จ

เรียกว่าไม่ต้องกังวลว่าขับรถอีวีแล้วจะมีปัญหาเรื่องการหาสถานีชาร์จ

ไม่ใช่แค่สถานีชาร์จเท่านั้น โออาร์ประกาศเปิดศูนย์ซ่อมบริการ EV เพื่อตอบโจทย์คนใช้รถอีวี โดยการยกเครื่อง “FIT Auto” ศูนย์บริการซ่อมเบาของรถยนต์สันดาป ที่มีอยู่กว่า 70 สาขา ให้เป็นศูนย์ซ่อมบริการ EV โดยจับมือค่ายรถ เพื่อฝึกทักษะการซ่อมบำรุง EV พร้อมเอ็มโอยูพันธมิตรจีนพัฒนาแพลตฟอร์มการให้บริการซ่อมบำรุงรักษารถอีวีแบบ O2O

ทั้งเตรียมเปิดขายแฟรนไชส์ธุรกิจแห่งอนาคตในปลายปีนี้ แบบตามรอยความสำเร็จของ “คาเฟ่ อเมซอน”

อย่างไรก็ดี ซีอีโอ OR มองว่า การเปลี่ยนผ่านยุครถใช้น้ำมันไปสู่รถอีวี คาดว่าในช่วง 10 ปีแรก รถพลังงานสะอาดอาจเข้ามาทดแทนสัก 40% ส่วนอีก 60% ยังเป็นเชื้อเพลิงน้ำมัน โดยเทียบเคียงจากนโยบาย 30@30 ของรัฐบาลคือตั้งเป้าปี 2030 จะต้องผลิตรถอีวีให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตทั้งหมดในประเทศไทย

ดังนั้นปัจจุบันธุรกิจน้ำมันยังเป็น cash cow หรือตัวสร้างรายได้หลักให้กับบริษัท เพื่อนำไปลงทุนธุรกิจแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจพลังงานสะอาด รวมถึงธุรกิจค้าปลีกที่จะขยายบทบาทขึ้นมาเป็นหัวหอกในการสร้างรายได้

นอกจากนี้ “จิราพร” ระบุว่า ธุรกิจค้าปลีกไม่ได้จำกัดอยู่แค่อาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น จึงปรับกลยุทธ์เป็น “ธุรกิจไลฟ์สไตล์” โดยจะเติมบริการความสะดวกให้กับผู้บริโภค ไม่ใช่แค่ของกิน รวมทั้งการพัฒนาแอป “all in one” เพื่อต่อยอดตอบโจทย์การให้บริการผู้บริโภคแบบ 24 ชั่วโมง

นี่คือ new chapter ของโออาร์ที่จะชูธุรกิจค้าปลีกและบริการความสะดวกสบายตอบโจทย์ผู้บริโภค 24 ชั่วโมง