เนสกาแฟ ย้ำภารกิจ Net Zero ชูผลผลิตเกษตรกรไทย ฉลองวันกาแฟสากล

เนสกาแฟ ตอกย้ำพันธกิจลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ พัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน นำผลผลิตเกษตรกรไทย ฉลองวันกาแฟสากล รังสรรค์ 4 เมนู พร้อมเสิร์ฟที่เนสกาแฟ สตรีท คาเฟ่ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป 

วันที่ 29 กันยายน 2565 นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดเผยว่าเนสท์เล่มีคำมั่นสัญญาในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 ซึ่งหนึ่งในแผนงานที่เนสท์เล่ให้ความสำคัญก็คือ การส่งเสริมทฤษฎีเกษตรฟื้นฟู เพื่อปกป้องและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม

   

ตลอดจนเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกร และพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ชุมชน และในโอกาสวันกาแฟสากลในปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม เนสกาแฟ ได้เปิดตัว “เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย ลิมิเต็ด เอดิชั่น” ผลผลิตจากเกษตรกรไทย รังสรรค์เป็น 4 เมนูพิเศษ 

ได้แก่ Signature Hot Drip กาแฟดริปรสชาติละมุน Supreme Black อเมริกาโน่เย็นรสชาติพรีเมียม Mellow White ลาเต้เย็น และ Dirty กาแฟนม ที่เป็นเมนูไฮไลต์ ที่เนสกาแฟ สตรีท คาเฟ่ สาขาศาลายา พร้อมวางจำหน่ายในแบบเมล็ดกาแฟ และหลากหลายเมนูเครื่องดื่มพิเศษพร้อมเสิร์ฟที่เนสกาแฟ สตรีท คาเฟ่ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป

ด้านนายโจโจ้ เดลา ครูซ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า เนสกาแฟเชื่อว่า ทุก ๆ คนในโลก คู่ควรกับการดื่มด่ำกาแฟคุณภาพดี เพราะกาแฟแก้วเล็ก ๆ มีพลังมากกว่าที่เราคิด และมีบทบาทสำคัญทำให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะว่ากาแฟทุกเมล็ดสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ เบื้องหลังความสำเร็จของกาแฟคุณภาพของเนสกาแฟมาจากความทุ่มเทของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ จึงเป็นที่มาของการฉลองวันกาแฟสากล ในวันที่ 1 ตุลาคม เป็นประจำทุกปี หรือที่เราเรียกว่า “เนสกาแฟ เดย์”

ในประเทศไทย โครงการเนสกาแฟ แพลน ได้พัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรและชุมชนผู้ปลูกกาแฟให้ดีขึ้นต่อเนื่องหลายทศวรรษ โดยได้มอบต้นกล้ากาแฟสายพันธุ์ดีให้กับเกษตรกร จัดการอบรมให้ความรู้ด้านเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู เพิ่มพูนทักษะด้านการเกษตรชั้นสูง เพื่อให้เกษตรกรและครอบครัวมีผลผลิตที่ดีขึ้น มีรายได้ที่ยั่งยืน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นายทาธฤษ กุณาศล ผู้จัดการฝ่ายบริการการเกษตร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า เชียงรายเป็นตัวอย่างที่ดีของโครงการเนสกาแฟ แพลน ที่เนสกาแฟได้เข้าไปส่งเสริมการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนมาหลายทศวรรษ จนเป็นที่มาของการพัฒนา เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย ที่ปลูก ณ ฟาร์มทดลองและสาธิต ที่จังหวัดเชียงราย โดยเราได้แจกต้นกล้าของเมล็ดอราบิก้าชั้นดี ตลอดจนจัดการฝึกอบรม รวมถึงให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรเพื่อให้มีผลผลิตที่ดีขึ้น
 

“เนสกาแฟ ได้พลิกฟื้นพื้นที่ปลูกฝิ่น ให้กลายเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟคุณภาพ และสร้างความผูกพันและสำนึกรักษ์ป่า เมื่อป่าเป็นพื้นที่สร้างอาชีพ คนก็จะดูแลรักษาป่า เมื่อเกือบ 40 ปีก่อน พื้นที่บนเขาในเชียงรายส่วนใหญ่มีรายได้จากการปลูกฝิ่น จุดเริ่มต้นคือ การหาอาชีพที่จะทำให้เกษตรกรชาวเขามีรายได้ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเนสท์เล่ได้สนองพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ด้วยการริเริ่มฟาร์มทดลองและสาธิตที่จังหวัดเชียงราย

ในปี 2528 นำเข้ากาแฟจากทั่วโลกมาทดลองปลูก และคัดเลือก 2 สายพันธุ์ที่ดีที่สุดมาเพาะเป็นต้นกล้าคุณภาพแจกจ่ายให้กับชาวเขา นำไปเพาะปลูกสร้างรายได้ทดแทนการปลูกฝิ่น จนกลายเป็นหมู่บ้านผู้ปลูกกาแฟในปัจจุบัน”

นายทาธฤษกล่าวต่อว่า จากการทำงานช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไทย ตลอดจนการฟื้นฟูดูแลสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่องหลายทศวรรษ นำมาสู่ผลแห่งความสำเร็จในการเปิดตัว เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย เมล็ดกาแฟแบบเต็มเมล็ดลิมิเต็ดเอดิชั่น สายพันธุ์อราบิก้า 100% ที่ผ่านกระบวนการผลิตต่าง ๆ ด้วยความรักและความตั้งใจในทุกขั้นตอน ส่งตรงจากเกษตรกรสู่คอกาแฟชาวไทย เพื่อฉลองแคมเปญ “NESCAFÉ Grow Together ปลูกอย่างยั่งยืน” ในวันกาแฟสากลปีนี้

นางสาวเครือวัลย์ วรุณไพจิตร ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารและเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ประจำภูมิภาคอินโดไชน่า กล่าวว่า เนสท์เล่ โพรเฟสชันนัล เป็นกลุ่มธุรกิจด้านโซลูชั่นอาหารและเครื่องดื่มสำหรับผู้ประกอบการ ได้ใช้ความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์เมนูกาแฟคุณภาพที่หลากหลายจากเมล็ดกาแฟ เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย เพื่อให้คอกาแฟได้สัมผัสถึงกาแฟคุณภาพที่ทำด้วยความรัก ความตั้งใจ ตั้งแต่การปลูกและเก็บเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ไปจนถึงการคั่วโดยผู้เชี่ยวชาญจากเนสกาแฟ และการชงจากบาริสต้ามืออาชีพจนได้กาแฟคุณภาพที่ดีเยี่ยมในแต่ละแก้ว