นายจ้างฮ่องกงเจรจาไทย ดึงแรงงานดูแลผู้สูงอายุ-ช่าง-วิศวกร ป้อนธุรกิจ

สหพันธ์นายจ้างฮ่องกง หารือขยายตลาดแรงงานไทย

สหพันธ์นายจ้างฮ่องกงหารือขยายตลาดแรงงานไทย ป้อนภาคธุรกิจในฮ่องกง และเยี่ยมชมฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน

วันที่ 19 เมษายน 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นายอัลกิ้น-เช้ง ไหว่ ก๊อง ประธานสภาองค์การนายจ้างฮ่องกง และนายจาตุรนต์ ไชยะคำ กงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง พร้อมด้วยคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและหารือแนวทางการขยายตลาดแรงงานทักษะไทยไปทำงานฮ่องกงป้อนภาคธุรกิจที่มีแผนการขยายตัวเพิ่มขึ้น ตลอดจนเยี่ยมชมการฝึกอบรมของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยมีผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมหารือในครั้งนี้ด้วย ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน และวิทยาลัยการแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

รมว.แรงงานกล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ตนและคณะได้เดินทางไปเยือนฮ่องกงอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา และได้หารือประเด็นการขยายตลาดแรงงานไทยในฮ่องกง ซึ่งสมาพันธ์นายจ้างฮ่องกงยินดีต่อความร่วมมือระหว่างไทยกับฮ่องกง ในวันนี้สมาพันธ์นายจ้างฮ่องกงจึงได้มาเยี่ยมคารวะและหารือในประเด็นการส่งเสริมความร่วมมือการนำเข้าแรงงานไทยกึ่งทักษะฝีมือ ที่ฮ่องกงมีความต้องการ อาทิ ตำแหน่งผู้บริบาลผู้สูงอายุ ช่าง และวิศวกร เป็นต้น

ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันผลักดันการลดขั้นตอนและกระบวนการนำเข้าแรงงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของอุปสงค์และอุปทานของตลาดแรงงาน รวมทั้งการนำเข้าแรงงานที่มีทักษะสูงจากประเทศไทย เช่น นายจ้าง AH NGAU ENGINEERING LTD. ขออนุญาตจัดส่งแรงงานช่างเชื่อมท่อแรงดันสูงมาทำงานในฮ่องกงที่โรงไฟฟ้า Black Point Station Hong Kong ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงใน Lung Kwu Tan เขต New Territories ดำเนินการโดยบริษัท CLP Group (China Light and Power) ซึ่งโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และบริษัทดังกล่าวเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาพันธ์นายจ้างฮ่องกง

ตลอดจนการขยายฐานการผลิตในประเทศไทยเพื่อรองรับความต้องการและความผันผวนในตลาดโลก อาทิ บริษัท KGK ซึ่งเป็นบริษัทท็อป 5 ในการผลิตจิวเวลรี่ส่งออกทั่วโลก ได้ตัดสินใจขยายฐานการผลิตในประเทศไทยเพื่อการส่งออก โดยมีความต้องการฝึกทักษะแรงงานที่มีทักษะสูง

ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการโครงการดังกล่าวในลักษณะประชารัฐ โดยมีกระทรวงแรงงาน สภาอาชีวศึกษา วิทยาลัยช่างทองหลวง และบริษัท KGK ร่วมมือกันดำเนินโครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของไทยให้มีมาตรฐานระดับสากล และยังมีหน่วยงาน Talent Connect ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดหาผู้มีความสามารถด้านการจัดการและการทำงานในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เข้ามาร่วมหารือและพร้อมสนับสนุนการจัดหาคนและพัฒนาทักษะให้ตรงกับความต้องการของนายจ้างในฮ่องกงด้วย

โอกาสเดียวกันนี้ รมว.แรงงาน ยังได้นำประธานสภาองค์การนายจ้างฮ่องกงและคณะ เยี่ยมชมการฝึกอบรมหลักสูตรการยกระดับฝีมือแรงงาน สาขาการประกอบอาหารไทย อาหารจานเดียว และสาขานวดหินร้อน ระยะเวลาการฝึกหลักสูตร 30 ชั่วโมง ที่วิทยาลัยการแรงงาน กระทรวงแรงงาน

โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานมีความพร้อมและมีศักยภาพทั้งหลักสูตร เครื่องมือ รวมทั้งมีศูนย์ฝึกเป็นสถานที่รองรับการฝึกอบรมทักษะฝีมือ up-skill/re-skill และพัฒนาทักษะด้านภาษา ตลอดจนมีสถานทดสอบมาตรฐานฝีมือในสาขาต่าง ๆ ตามความต้องการของนายจ้างอีกด้วย

“ผลจากการที่สมาพันธ์นายจ้างฮ่องกงได้มาเยือนประเทศไทยและเยี่ยมชมการฝึกยกระดับทักษะแรงงานไทยในครั้งนี้ จะเป็นนิมิตหมายที่ดีที่รัฐบาลและกระทรวงแรงงานได้กระชับความร่วมมือกับฮ่องกงให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่ไทยได้แสดงถึงศักยภาพและความพร้อมในการฝึกยกระดับทักษะฝีมือแรงงานไทยก่อนจัดส่งไปทำงานในฮ่องกงตามที่นายจ้างต้องการ เพื่อให้คนไทยได้มีโอกาสไปทำงานในฮ่องกงเพิ่มมากขึ้น คนไทยได้มีงานทำ มีโอกาสพัฒนาทักษะฝีมือให้สูงขึ้น และนำรายได้กลับมาพัฒนาประเทศ รวมทั้งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอีกด้วย” รมว.แรงงานกล่าว

สหพันธ์นายจ้างฮ่องกง หารือขยายตลาดแรงงานไทย

ด้านประธานสภาองค์การนายจ้างฮ่องกงกล่าวว่า มีความพึงพอใจกับการได้เดินทางมาเยี่ยมชมการฝึกอบรมหลักสูตรการยกระดับฝีมือแรงงาน และต้องขอชื่นชมในความพร้อมทั้งหลักสูตร สถานที่ เครื่องมือ และบุคลากรของไทยที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะแรงงานไทยเป็นแรงงานที่มีทักษะฝีมือโดดเด่น

สมาพันธ์นายจ้างฮ่องกงมีความต้องการหลายสาขา เช่น ผู้ดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงสาขาช่างต่าง ๆ เนื่องจากขณะนี้ฮ่องกงกำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ และกำลังขยายฐานการผลิตในหลายอุตสาหกรรม

“แรงงานไทยเป็นเป้าหมายหนึ่งที่นายจ้างฮ่องกงต้องการ ผมมั่นใจว่าผลจากการเจรจาในวันนี้ จะเกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งลักษณะดังกล่าวถือเป็นสถานการณ์ที่ win-win ทั้งคู่ ทำให้แรงงานไทยได้มาทำงานในฮ่องกงมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็จะส่งผลดีกับบริษัทในฮ่องกงที่สามารถจ้างงานทำให้ธุรกิจเติบโต ส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศต่อไป”