ปลัดแรงงาน โต้ข้อกล่าวหาดีเอสไอ อดีต รมต.-ขรก. ค้ามนุษย์ไปฟินแลนด์

แรงงาน
Photo: Javad Esmaeili/unsplash

ปลัดกระทรวงแรงงาน ชี้แจงกรณี ‘ดีเอสไอ’ กล่าวหา อดีต รมต.-ขรก.เอี่ยวหักหัวคิวส่งคนไทยไปทำงานที่ฟินแลนด์ ยันเจ้าหน้าที่ในกระทรวงแรงงานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้

วันที่ 11 มกราคม 2567 จากกรณีที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำโดยกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะพนักงานอัยการที่อัยการสูงสุดมอบหมายให้ร่วมสอบสวน มีมติร่วมกันให้กล่าวหา “อดีตข้าราชการฝ่ายการเมืองระดับรัฐมนตรี 2 คน และผู้บริหารระดับสูง กระทรวงแรงงาน อีก 2 คน” รวมทั้งหมด 4 คน ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86 เนื่องจากพบหลักฐานโยงหักค่าหัวคิวขบวนการส่งแรงงานไทยไปประเทศฟินแลนด์ เสียหาย 36 ล้านบาท

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว “มติชน” ถึงประเด็นดีเอสไอกล่าวหาอดีต รมต.-ขรก.เอี่ยวหักหัวคิวส่งคนไปทำงานที่ฟินแลนด์ ว่า เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับแรงงานที่ไปทำงานที่ฟินแลนด์ที่ชื่อว่า “ทุเรียน” ที่ถูกจับกุมเนื่องจากพบว่ามีการค้ามนุษย์ ซึ่งผู้ที่ถูกจับกุมได้ให้การกับตำรวจฟินแลนด์ว่า มีการจ่ายค่าหัวคิวแรงงาน ซึ่งในส่วนนี้นั้น กระทรวงแรงงานขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ในกระทรวงแรงงานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้

“เราไม่รู้เลยว่าเขาเอาเงินไปจ่ายกับใคร เป็นการอ้างลอย ๆ แต่เมื่อเป็นข่าวออกมาแล้ว ทำให้กระทรวงแรงงานเสียหาย เป็นการตั้งข้อกล่าวหาโดยที่ยังไม่มีรายละเอียด ซึ่งตามกระบวนการแล้ว ทางดีเอสไอจะต้องส่งเรื่องให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนที่จะมีการตั้งข้อกล่าวหา” นายไพโรจน์ กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงที่มาที่ไปของการมีกรณีเรียกเก็บค่าหัวคิวดังกล่าว นายไพโรจน์ กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากทางฟินแลนด์ระบุว่า มีกลุ่มนายหน้าหรือผู้จัดหางานให้คนไทยไปทำงานในฟินแลนด์ เรียกเก็บค่าใช้จ่ายแรงงาน แล้วบอกว่า เป็นค่าหัวคิว เพื่อนำส่งให้กับข้าราชการการเมืองของกระทรวง 2 คน ดังนั้น ทางฝ่ายข้าราชการประจำจะไม่รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว และสามารถยืนยันได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

Advertisment

เมื่อถามต่อไปว่า หากข้อกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริง ทางกระทรวงแรงงานจะดำเนินอย่างไรต่อหรือไม่ นายไพโรจน์ กล่าวว่า เราจะต้องไปฟ้องกับผู้ที่ตั้งข้อกล่าวหาเรา ซึ่งในส่วนนี้ก็จะเป็นนิติบุคคลที่นำข้อมูลดังกล่าวไปแจ้งกับทางดีเอสไอ

เมื่อถามอีกว่า ได้พบเจอกับนิติบุคคลรายดังกล่าวแล้วหรือไม่ นายไพโรจน์ กล่าวว่า ตนรู้ว่าเป็นคนไหน เนื่องจากได้รับการปล่อยตัวจากตำรวจประเทศฟินแลนด์แล้ว ซึ่งเขาได้กล่าวหาว่า มีการเรียกเก็บเงินผ่านโบรกเกอร์ จึงทำให้คิดไปว่า มีการนำเงินส่วนนั้นมาให้กับอธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) หรือ ผู้บริหารฝ่ายการเมือง ต้องได้รับเงินนั้น แต่ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยันได้

“หากมีการไปเก็บเงินกับแรงงานจริง แต่เงินส่วนนั้นไม่ถูกส่งมาถึงกระทรวง จะเท่ากับเป็นการเอาไปแอบอ้างเพื่อหาผลประโยชน์หรือไม่ นายไพโรจน์ กล่าวว่า เราจะต้องไปหาว่าเขาจ่ายเงินนั้นกับใคร แล้วมีการนำเงินส่งไปให้ใครอีก” นายไพโรจน์กล่าว