ราช กรุ๊ป ช่วยชุมชน ใช้พลังงานแสงอาทิตย์-ลดโลกร้อน

ราชกรุ๊ป โซลาร์เซลล์

“ค่าไฟศูนย์บาทตั้งแต่ติดแผงโซลาร์เซลล์”

คำกล่าวเบื้องต้นคือเสียงสะท้อนความสำเร็จของ “พล ฤทธิ์ล้ำ” หญิงแกร่งแห่งไร่เจริญผล ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี หลังจากที่เธอเข้าร่วมโครงการพลังงานชุมชนระยะที่ 3 (2563-2565) ของ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินงานร่วมกับสำนักงานพลังงาน จ.ราชบุรี

“พล” บอกว่า เดิมทีไร่เจริญผลเคยใช้น้ำมันเบนซินและไฟฟ้าสูบน้ำเพื่อทำการเกษตร จนเมื่อทราบว่าโครงการพลังงานชุมชนของราช กรุ๊ป และสำนักงานพลังงาน จ.ราชบุรี มาดำเนินการในตำบลยางหัก โดยส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทดแทนการใช้น้ำมันและไฟฟ้า จึงสนใจและสมัครเข้าร่วมโครงการ และได้รับคัดเลือกให้เป็นศูนย์เรียนรู้พลังงานชุมชน

หลังจากนั้นโครงการก็เข้ามาติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคา ขนาด 3,400 วัตต์ เพื่อกักเก็บพลังงาน และแปลงมาเป็นไฟฟ้าใช้กับเครื่องสูบน้ำ เพื่อนำน้ำจากสระไปใช้ในแปลงเกษตรผสมผสานของไร่เจริญผล

“ตั้งแต่เริ่มใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ค่าไฟที่เคยจ่ายหลักพันบาท ตอนนี้เหลือศูนย์บาท นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อให้เกิดมลพิษจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง ซึ่งเป็นต้นเหตุของสภาวะโลกร้อน มลพิษทางอากาศและฝุ่น PM 2.5 แก่ชุมชนของเราด้วย”

ชูศรี เกียรติขจรกุล

“ชูศรี เกียรติขจรกุล” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า บริษัทดำเนินโครงการพลังงานชุมชนมาเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยมุ่งหวังส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพให้กับชุมชน ด้วยการพัฒนาแนวคิดด้านพลังงานของชุมชน รวมทั้งนวัตกรรมพลังงานด้วยบริบทเฉพาะของท้องถิ่นหรือชุมชน โดยชุมชนมีส่วนร่วมคิดและร่วมทำด้วย

“โครงการนี้คาดหวังว่าความตระหนักรู้และความเข้าใจด้านพลังงานที่ถูกต้องจะเป็นฐานคิดที่ขยายผลไปสู่การปรับเปลี่ยนวิถีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

เป้าหมายที่ 13 เรื่องการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Action) ด้วย โครงการพลังงานชุมชนเป็นการทำงานสามประสานระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคประชาชน เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาโลกร้อน”

สำหรับโครงการพลังงานชุมชน พื้นที่ตำบลยางหัก อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี บริษัทเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน มุ่งเน้นส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ให้กับชุมชน เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล โดยนำร่องจากการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 8 เครื่อง ซึ่งชุมชนกว่า 100 ครัวเรือนนำไปใช้ประโยชน์ในการทำเกษตรกรรมและการอุปโภคบริโภคในครัวเรือน

ผลที่ได้รับคือชุมชนสามารถลดการซื้อน้ำมันเบนซินสำหรับเครื่องสูบน้ำ ประมาณ 17,280 ลิตร ซึ่งช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 37,836.29 kgCO2e ทั้งยังลดค่าใช้จ่ายการซื้อน้ำมันเบนซิน ประมาณ 518,400 บาท (คำนวณจากราคาน้ำมันเบนซินประมาณลิตรละ 30 บาท)

นอกจากนั้นโครงการยังขยายผลด้วยการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาขนาด 3,400 วัตต์ และเครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ในศูนย์เรียนรู้เกษตรแบบผสมผสานไร่เจริญผล และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟตะนาวศรี เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของชุมชนตำบลยางหัก เกี่ยวกับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจะช่วยให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ชุมชนในการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย

“เกริก มั่นคง” นักวิชาการพลังงานชำนาญการ สำนักงานพลังงานจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า โครงการพลังงานชุมชน ตำบลยางหัก มีอาสาสมัครพลังงานชุมชนจำนวน 40 คน เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งการเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้พลังงานของตำบล และเข้าร่วมจัดทำแผนพลังงานตำบลด้วย

จากการสำรวจข้อมูลการใช้จ่ายด้านพลังงานของตำบลยางหักเมื่อปี 2563 มีมูลค่าถึง 108 ล้านบาท โครงการจึงจัดทำแผนกิจกรรม เริ่มด้วยการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ชุมชน จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ตลอดจนจัดศึกษาดูงานชุมชนที่ประสบผลสำเร็จด้านการจัดการพลังงาน

โดยนำองค์ความรู้มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของตำบลยางหัก สนับสนุนเครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 3,400 วัตต์ โดยนำร่องใช้ในศูนย์เรียนรู้เกษตรแบบผสมผสานไร่เจริญผล และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟตะนาวศรี

ต่อจากนั้นจึงพัฒนาพื้นที่ทั้ง 2 แห่งเป็นศูนย์กลางสำหรับถ่ายทอดความรู้ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ และสาธิตการติดตั้งโซลาร์เซลล์ การทำงานและการบำรุงรักษาโซลาร์เซลล์ ให้แก่ชุมชนที่สนใจเกี่ยวกับวิถีการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังช่วยเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง โดยชุมชนสามารถพึ่งพิงพลังงานจากธรรมชาติอย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน วิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟตะนาวศรีเป็นวิสาหกิจชุมชนแห่งแรกในตำบลยางหักที่ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับสูบน้ำเข้าสวนกาแฟและทำได้อย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้ผลิตผลดีขึ้นจนสามารถนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ได้แก่ สบู่กาแฟ ชาดอกกาแฟ กาแฟดริป สร้างรายได้แก่กลุ่มชุมชนเพิ่มขึ้น