
มิโดอวดโฉมนาฬิกา 7 คอลเล็กชั่นไอคอนิกประจำปี 2023 ที่นักสะสมไม่ควรพลาด ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมดีไซน์สำหรับสุภาพบุรุ
“มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือเดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) นำโดย ภาณุวัฒน์ ทองพุ่ม ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์มิโด (MIDO) ประเทศไทย จัดงาน “MIDO Novelties Presentation 2023” อวดโฉมประสิทธิภาพเรือนเวลาหรูจาก 7 คอลเล็กชั่นน่าสะสมแห่งปี
- Café Amazon เฉลยเอง ไวรัลนกหน้าร้านสะดวกซื้อ กำลังจะเกิดอะไรขึ้น?
- ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจผลรางวัล งวด 1 เม.ย. 66 (อัพเดต)
- 12 นิสิตเก่า ‘สิงห์ดำ’ ดีเด่น ปี 66 ความภาคภูมิใจ ‘รัฐศาสตร์ จุฬาฯ’ สถาบันผลิตบุคลากรชั้นนำของประเทศ
ภาณุวัฒน์ ทองพุ่ม กล่าวว่า งานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อต้องการเผยโฉมนาฬิการุ่นไอคอนิกประจำปีนี้ ซึ่งมีทั้งหมด 7 คอลเล็กชั่นด้วยกัน โดยแต่ละคอลเล็กชั่นมีดีไซน์ตอบโจทย์ทุกสไตล์ของผู้สวมใส่ ในขณะเดียวกันฟังก์ชั่นการใช้งานก็สามารถตอบสนองกับทุกกิจกรรมได้
ทั้งนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำหรือนักกิจกรรมตัวยง รวมไปถึงเรือนที่เหมาะแก่การสวมใส่ในชีวิตประจำวัน หรือนาฬิกาสำหรับผู้หญิงที่ผสานความงดงามด้านดีไซน์และฟังก์ชั่นเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าไอคอนิกทั้ง 7 คอลเล็กชั่นประจำปีนี้ จะถูกใจและเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์แรงบันดาลใจให้กับทุกไลฟ์สไตล์ของเหล่าคนรักนาฬิกาทุกคน
7 คอลเล็กชั่นไอคอนิกประจำปี 2023
1.มัลติฟอร์ท เอ็ม โครโนมิเตอร์ (Multifort M Chronometer)
คอลเล็กชั่นนี้ผ่านการรับรองโดยสถาบันทดสอบความเที่ยงตรงของนาฬิกาแห่งสวิตเซอร์แลนด์ (Official Swiss Chronometer Testing Institute หรือ COSC) โดยตัวเรือนขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) ที่สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมซิลิคอนบาลานซ์สปริง (Silicon Balance Spring) ที่มีคุณสมบัติด้านความแม่นยำทนทานต่อสนามแม่เหล็ก โดยมีการสลักคำว่า “Chronometer” บนหน้าปัด เพื่อเป็นเครื่องยืนยันถึงความแม่นยำที่เกินกว่าค่ามาตรฐาน
มาพร้อมรูปลักษณ์อันแข็งแกร่งและดุดัน ด้วยตัวเรือนและสายจากสเตนเลสสตีลที่มีความทนทานเป็นพิเศษ ดีไซน์หน้าปัดทรงกลมที่ไล่ระดับสีเขียวบริเวณตรงกลางกระจายออกไปด้านข้าง กระทั่งกลายเป็นสีดำบริเวณรอบหน้าปัด และเทคนิคการขัดลายซาตินในแนวตั้งอย่างประณีต
อีกทั้งยังเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีเบจที่ตัวเข็มนาฬิกาและบริเวณอินเด็กซ์โดยรอบ เพื่อช่วยให้อ่านค่าเวลาได้อย่างแม่นยำเมื่อตัดกับพื้นหลังสีเข้ม
พร้อมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน และมีช่องระบุวันที่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา รวมถึงดีไซน์ฝาหลังแบบเปลือยที่สามารถมองเห็นกลไกการขับเคลื่อนของนาฬิกาได้อย่างงดงาม โดย “มัลติฟอร์ท เอ็ม โครโนมิเตอร์” (Multifort M Chronometer) สามารถกันน้ำลึกในระดับ 100 เมตร

2.มัลติฟอร์ท เอ็ม (Multifort M)
มิโดได้ถ่ายทอดเอกลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความทันสมัย ด้วยการเผยโฉมเรือนเวลาหน้าปัดขัดซาตินแนวตั้ง พร้อมพื้นผิวไล่ระดับจากสีน้ำเงินไปจนถึงสีดำ มาพร้อมพรายน้ำเรืองแสงสีเขียวอมฟ้า และมีช่องแสดงวันและวันที่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ประกอบกับกระจกคริสตัลแซปไฟร์ ที่มีการป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งรูปลักษณ์ที่โดดเด่นได้ถูกจับคู่มากับกลไกที่ทนทานและทันสมัย ด้วยระบบการขับเคลื่อนคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) ที่สำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมบาลานซ์สปริงนิวาครอง (Nivachron™) สัญลักษณ์แห่งความทนทาน

3.โอเชียน สตาร์ ดีคอมเพรสชั่น เวิลด์ไทม์เมอร์ สเปเชียล อิดิชั่น (Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition)
นาฬิกาดำน้ำที่ยังคงหน้าปัดแบบดั้งเดิม มาพร้อมฟังก์ชั่น GMT และขอบหน้าปัดที่แสดงเวลาจากทั่วโลกผ่าน 2 ดีไซน์ประสิทธิภาพสูง ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขัดเงาแข็งแรงทนทาน บนหน้าปัดพื้นหลังสีน้ำเงินเข้ม สลักโลโก้ “Mido” แบบดั้งเดิม
โดยนาฬิกาเรือนนี้จะแสดงเวลาการบีบอัดของน้ำที่ระดับความลึก 6 เมตร ซึ่งบ่งบอกจากมาตรวัดวงกลมสีเหลือง สีเขียว สีชมพู และสีน้ำเงิน ที่อยู่บนหน้าปัด พร้อมขอบหน้าปัดแบบหมุนได้จากวงแหวนอะลูมิเนียมสีน้ำเงิน และมีลูกศรสีแดงเพื่อระบุเขตเวลาในการเดินทาง
รวมถึงเข็มชั่วโมง นาที และวินาที ที่ได้รับการเจียระไนเป็นทรงเหลี่ยมเพชร พร้อมเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® โดยมีการอ่านค่าวันที่อยู่ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา ครอบด้วยคริสตัลแซฟไฟร์ในรูปทรงกล่องแก้ว พร้อมสายถักสเตนเลสสตีลและสายสีน้ำเงินที่ผลิตจากยางสำหรับเปลี่ยน
ประกอบกับกลไกอัตโนมัติที่มาพร้อมฟังก์ชั่น GMT อีกทั้งยังสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง และบาลานซ์สปริงนิวาครอง (Nivachron™) ที่มีคุณสมบัติในการต้านทานต่อสนามแม่เหล็กและแรงกระแทกที่ยอดเยี่ยม และสามารถกันน้ำได้ในระดับสูงสุดถึง 200 เมตร
นอกจากนี้ ยังมีอีก 1 รุ่นดีไซน์พิเศษที่มีตารางดีคอมเพรสชั่นสเกล (Decompression Scale) ไล่ระดับสีจากสีเหลืองไปสีส้ม ซึ่งเป็นสีประจำแบรนด์มิโด บนผิวหน้าปัดสีดำที่มาพร้อมวงแหวนอะลูมิเนียมและสายยางที่เข้าคู่กัน

4.บารอนเชลลี โครโนกราฟ มูนเฟส (Baroncelli Chronograph Moonphase)
นาฬิกาที่มาพร้อมความสง่างามสุดคลาสสิกในขนาดหน้าปัด 42 มม. พร้อมฟังก์ชั่นโครโนกราฟมูนเฟส จากเครื่องคาลิเบอร์ A05.221 (Caliber A05.221) ที่สำรองพลังงานสูงสุดได้ 60 ชั่วโมง ในฝาหลังแบบเปลือย และบาลานซ์สปริงนิวาครอง (Nivachron™) ที่มีคุณสมบัติในการต้านทานต่อสนามแม่เหล็กและแรงกระแทก ที่มาใน 2 ดีไซน์บนตัวเรือนสเตนเลสสตีลขัดเงา
หน้าปัดซันเรย์ขัดซาตินสีน้ำเงิน ที่เข้าคู่กับสายยางสีน้ำเงิน และตัวเรือนเคลือบ PVD สีโรสโกลด์ จับคู่มากับสายยางสีดำ พร้อมครอบกระจกแซปไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนแบบ 2 ชั้น 2 ด้าน

5.มัลติฟอร์ท พาวเวอร์ไวด์ (Multifort Powerwind)
นาฬิกาสไตล์วินเทจเรือนใหม่ ที่ยังคงกลิ่นอายความย้อนยุคเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ พร้อมผสานกลไกคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) สำรองพลังงานสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง และบาลานซ์สปริงนิวาครอง (Nivachron™) พร้อมตำแหน่งบอกเวลาที่บริเวณ 6 นาฬิกา
โดยดีไซน์หน้าปัดแบบซันเรย์ขัดซาตินทรงโดม ในขนาด 40 มม. โดดเด่นด้วยตัวเลขอารบิกที่ใช้ในการอ่านค่าเวลา พร้อมเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) และอินเด็กซ์ทรงเหลี่ยมเพชร บนตัวเรือนสเตนเลสสตีลขัดเงาสลับซาตินครอบด้วยกระจกแซปไฟร์ มาพร้อมสายสเตนเลสแบบจูบิลีที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ และสามารถกันน้ำได้ในระดับความลึก 50 เมตร

6.โอเชียน สตาร์ นีเรีย (Ocean Star Nerea)
นาฬิกาดีไซน์สปอร์ตสำหรับสุภาพสตรีเรือนแรกในคอลเล็กชั่นโอเชียน สตาร์ ที่มาพร้อมระบบคาลิเบอร์ 80.611 (Caliber 80.611) สามารถสำรองพลังงานได้ 80 ชั่วโมง บนขนาดหน้าปัด 36.5 มม. โดยมีตำแหน่งบอกเวลาบริเวณ 6 นาฬิกา มาพร้อมขอบเบเซลทรงโดมแบบหมุนได้ ผลิตจากวัสดุที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี
มีทั้งแบบหน้าปัดสีน้ำเงินและสีดำซันเรย์ขัดซาติน เคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) บริเวณเข็ม และตัวเรือนมีทั้งแบบที่ผลิตจากสเตนเลสสตีลพร้อมสายสเตนเลสสตีล และตัวเรือนแบบ PVD เคลือบโรสโกลด์ ประดับด้วยเพชรแท้ 11 เม็ด บริเวณอินเด็กซ์ ซึ่งมาพร้อมสายยางลายคลื่นแบบเปลี่ยนได้ง่ายสะท้อนงดงามตามแบบฉบับสุภาพสตรีผู้ชื่นชอบในความโก้หรู พร้อมฟังก์ชั่นหลักจากตระกูลโอเชียน สตาร์ ที่สามารถกันน้ำได้ 200 เมตร

7.คอมมานเดอร์ เลดี้ (Commander Lady)
นาฬิกาสำหรับหญิงสาวที่ชื่นชอบความเฟมินีน หน้าปัดขนาด 35 มม. ด้วยระบบคาลิเบอร์ 72 (Caliber 72) ที่สามารถสำรองพลังงานสูงถึง 72 ชั่วโมง และบาลานซ์สปริงนิวาครอง (Nivachron™) ด้วยตัวเรือนเหล็กสเตนเลสขัดซาตินและขอบตัวเรือนขัดเงา ครอบด้วยกระจกแซปไฟร์แบบเหลี่ยมเพชร บนหน้าปัดสีอ่อนซันเรย์แบบทวิสต์ ที่ประดับด้วยอินเด็กซ์แบบขีดหรือแบบเพชร 11 เม็ด
โดยมีอีกหนึ่งดีไซน์พิเศษบนหน้าปัดสีขาวมุก (Mother of Pearl) พร้อมประดับเพชร 11 เม็ด ตัวสายมีทั้งสายเหล็กสเตนเลสอันเป็นเอกลักษณ์และสายหนังสุดคลาสสิก โดยสามารถกันน้ำได้ในระดับความลึก 50 เมตร
