2 เมษายน วันตระหนักรู้ออทิสติกโลก สัมผัสแรงบันดาลใจและศักยภาพเด็กพิเศษผ่านผลงานศิลปะ ไปกับ อเล็ก เกมส์ และแอปเปิ้ล จากโครงการ Art Story โดยมูลนิธิออทิสติกไทย
วันตระหนักรู้ออทิสติกโลก (World Autism Awareness Day) ตรงกับวันที่ 2 เมษายนของทุกปี ซึ่งกำหนดโดยองค์การสหประชาชาติในปี 2550 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ และองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ ตลอดจนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมรณรงค์ให้สังคมได้ตระหนักและเห็น ความสําคัญของโรคออทิสติก ให้เกิดความเข้าใจ เกิดการยอมรับ สร้างความเท่าเทียม และสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
จากการรณรงค์ขององค์การสหประชาชาติที่ผ่านมาพบว่าการรับรู้เกี่ยวกับออทิสซึม (autism awareness) นั้นสูงขึ้นทั่วโลก โดยปีนี้องค์การสหประชาชาติได้รณรงค์ภายใต้แนวคิด “Toward a Neuro-Inclusive World for All” ความพร้อมก้าวสู่โลกที่ยอมรับความหลากหลายและความแตกต่างของทุกคน
ทั้งนี้ สังคมควรเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีภาวะออทิสติกใช้ชีวิตในฐานะพลเมืองของประเทศนั้น ๆ ตลอดจนมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม อย่างเท่าเทียมทั่วถึง รวมถึงสิทธิการมีส่วนร่วมทางการเมืองด้วย
ออทิสซึม เป็นโรคที่มีความผิดปกติของพัฒนาการด้านสมอง สังคม ภาษา และพฤติกรรม ลักษณะที่ชัดเจน คือ เด็กไม่ยอมสบตา ไม่ชอบมองหน้าคนอื่น ไม่สนใจมองตามเมื่อเรียกชื่อ ไม่สนใจผู้อื่น และพูดได้ช้ากว่าเด็กปกติ โดยรูปแบบของเด็กแต่ละคนที่เป็นออทิสซึ่มนั้นมีความแตกต่างกันไป
โดยจํานวนเด็กออทิสติกทั่วโลกในปัจจุบันมีภาวะออทิซึมเพิ่มสูงขึ้น โดยมีสถิติจากการสำรวจของหลายประเทศ พบว่า ในเด็ก 59 คน จะพบเด็กที่มีภาวะออทิซึม 1 คน หรือ สัดส่วน 1:59
สำหรับประเทศไทย ข้อมูลจากมูลนิธิออทิสติกไทย ระบุว่า มีผู้เป็นออทิสติกกว่า 3 แสนคน หรือทุก ๆ 1,000 คน จะพบผู้ป่วยออทิสติก 6 คน และแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงขึ้นมากเรื่อย ๆ
ปัจจุบันประเทศไทยมีบุคคลออทิสติก ลงทะเบียนขอบัตรประจำตัวคนพิการเพียง 20,000 คน เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่ทราบข้อมูลการทำบัตรคนพิการ สิทธิ สวัสดิการ และการรับบริการต่าง ๆ จากภาครัฐ ในด้านการมีงานทำ การอยู่ร่วมกันในสังคม พบว่ามีไม่ถึง 200 คน ที่มีงานทำและมีรายได้เลี้ยงดูตนเอง
Art Story ศิลปะของเด็กพิเศษ สร้างรายได้ให้ตนเอง
มูลนิธิออทิสติกไทยตระหนักถึงปัญหาดังที่กล่าวไป จึงมุ่งเน้นการสร้างอาชีพให้เด็กพิเศษ ซึ่งทุกคนจะได้รับเงินเดือนเป็นของตัวเอง โดยมีเครือข่ายสมาคมทั่วประเทศกว่า 60 จังหวัด ปัจจุบันมีเด็กออทิสติกเป็นสมาชิกในมูลนิธิกว่า 150 คน และกว่า 1,000 ครอบครัวในเครือข่ายทั่วประเทศ
ทั้งนี้มูลนิธิได้จัดตั้ง บริษัทออทิสติกไทย วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ขึ้นมาเพื่อเกิดศูนย์ฝึกอบรมการทำงานให้กับน้อง ๆ ออทิสติก เน้นให้ความรู้ผู้ปกครองในการดูแลเด็กพิเศษตั้งแต่แรกเกิด ตลอดจนจ้างงานผู้ปกครองให้มีรายได้
ในต่างประเทศจะมีศูนย์ดูแลเด็กออทิสติกแบบครบวงจร ตั้งแต่เกิดจนวาระสุดท้ายของชีวิต เนื่องจากผู้ปกครองไม่สามารถอยู่ดูแลได้ตลอดไป แต่ในไทยยังไม่มีในส่วนนี้และยังต้องผลักดันกันต่อไปซึ่งภาครัฐต้องให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง
แม้เด็กพิเศษจะมีไอคิวและการเรียนรู้น้อยกว่าเด็กทั่วไป แต่สามารถทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ดีและโดดเด่นขึ้นมา ดังนั้น จำเป็นต้องดึงและผลักดันศักยภาพดังกล่าวออกมาให้มากที่สุด
ส่วนสำคัญของบริษัทออทิสติกไทยวิสาหกิจ คือ แบรนด์ “Art Story By Autistic Thai” ที่จำหน่ายสินค้าศิลปะลิขสิทธิ์จากเด็กพิเศษ โดยรายได้ 30% จะถูกนำมาให้น้อง ๆ เพิ่มเติมจากเงินเดือนที่ได้รับอยู่ปกติ
ผลงานศิลปะของน้อง ๆ ออทิสติกได้ถูกนำไปคอลแลปส์กับแบรนดังมากมาย เช่น กลุ่มทรู, อาลีบาบา, หน้าปกนิตยสารบ้านและสวน, ลายบนผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตดัชชี้, เนสท์เล่ และ คาเฟ่อเมซอน เป็นต้น
Art Story จึงเป็นส่วนสำคัญเรื่องรายได้สำหรับมูลนิธิ เนื่องจากไม่เคยมีการรับบริจาคใด ๆ แต่แลกมาด้วยผลงานจากความสามารถเพื่อกระจายรายได้สู่เครือข่ายทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังมีการทำร้านกาแฟ For All Coffee และ เติมเต็ม Coffee ซึ่งบาริสต้าจะเป็นเด็กออทิสติกทั้งหมด โดยมีอยู่ 4 สาขาทั่วกรุงเทพมหานคร
อเล็ก เกมส์ แอปเปิ้ล ตัวแทนพลัง ความสามารถ ของเด็กออทิสติก
ความสามารถพิเศษของเด็กออทิสติกมีหลากหลาย ส่วนมากจะเป็นการแสดงออกทางศิลปะเนื่องจากเป็นการบำบัดอย่างหนึ่งที่ออกมาจากจิตใจ นอกจากนี้ยังมี บาริสต้า เบเกอรี่ ไกด์ และดนตรี เป็นต้น
“อเล็ก-ชนกรณ์ พุกะทรัพย์” หนุ่มวัย 17 ปี ผุ้มีคติประจำใจว่า “You can do it I can do it. อย่ายอมแพ้” เริ่มต้นจากการชอบเล่นเกมและนำแรงบันดาลใจจากตัวการ์ตูนในเกมมาวาดเป็นผลงานศิลปะและแต่งนิยาย
ผลงานของอเล็กถูกถ่ายทอดออกมาอย่างลึกซึ้งในหลายภาพ โดยเน้นถึงความเป็นตัวของตัวเอง และทุกคนมีความสามารถในการทำอะไรอย่างที่ต้องการจะทำ งานที่โดดเด่นของอเล็กคือการคิดค้นตัวอักษรขึ้นมาเอง ที่ต้องถอดรหัสจากภาษาอังกฤษอีกทีหนึ่ง
ภาพของอเล็กยังถูกนำไปขายใน JNFT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายและประมูลผลงานศิลปะที่เป็นดิจิทัล บนระบบบล็อกเชน ถึง 19 ภาพ โดยเป็นการซื้อขายผ่านเหรียญที่สามารถสร้างการลงทุนให้กับตัวน้องเองได้ในได้ในอนาคต
“เกมส์-สัณฑกร ชาติพาณิชย์” อายุ 25 ปี ผู้หลงไหลในการวาดภาพผสมผสานจินตนาการโดยลดความสมจริงลงและเสนอผลงานผ่านการสกรีนลงบนเสื้อและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
แรงบันดาลใจวาดภาพของเกมส์มาจากการดูสารคดีสัตว์ป่าในวัยเด็ก เจ้าตัวจึงมักแสดงออกเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติผ่านผลงานเสมอ ๆ นอกจากนี้เกมส์ยังมีความสามารถพิเศษด้านดนตรีไทยด้วย
เกมส์ ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว โดยสามารถส่งเสียน้องจนเรียนจบปริญญาตรีได้ ที่เหลือคือความฝันของตนเอง ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ เนื่องจากเกมส์มีความชอบด้านคอมพิวเตอร์และอยากเป็นผู้สร้างเกมในอนาคต
เกมส์ฝากถึงน้อง ๆ ออทิสติก ว่า พยายามอย่าโกรธคนที่ต่อว่าเรา อย่าเอาคำพูดคนอื่นมาทำร้ายตัวเรา นำกลับมาเป็นพลังให้รู้ว่าเรามีศักยภาพมากเพียงใด
“แอปเปิ้ล-วิมลเรขา โสมภีร์” อายุ 26 ปี ที่มีความโดดเด่นด้านการวาดภาพระบายสีน้ำด้วยสไตล์น่ารักสดใส โดยร่วมงานกับแบรนด์ดังมาแล้วมากมาย เช่น คาเฟ่อเมซอน โยเกิร์ต ดัชชั่ ธนาคารออมสิน และ BMW เป็นต้น
แอปเปิ้ล กล่าวว่า ทุกคนเท่าเทียมกันทั้งเด็กออทิสติกและเด็กปกติ ขั้นแรกอยากให้ผู้ปกครองทำใจยอมรับให้ได้ก่อน ครอบครัวคือรากฐานของเด็ก ๆ ส่วนน้อง ๆ ออทิสติกเราต้องยอมรับตัวเองให้ได้ก่อนที่คนอื่นจะมายอมรับเรา และเราต้องพึ่งตัวเองให้ได้
ผู้ปกครองต้องยอมรับ
“โสภี ฉวีวรรณ” คุณแม่ของ อเล็ก เผยว่า ในตอนแรกก็รู้สึกแปลกเหมือนกัน ว่าลูกตนเองจะเป็นคนพิการ แต่จากการปรึกษาแพทย์จึงได้ข้อมูลว่า การจะจดทะเบียนเป็นผู้พิการนั้นต้องได้รับความยินยอมและสมัครใจจากตัวเด็กเอง
โดยต้องพูดคุยกับตัวเด็กอย่างจริงจัง ยอมรับและทำความเข้าใจร่วมกันว่ามีความผิดปกติอย่างไรบ้าง การไม่ยอมรับและไม่จดทะเบียนคนพิการจึงเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ทำให้จำนวนเด็กออทิสติกในประเทศสูงกว่าที่มีตัวเลขออกมา
นอกจากนี้ครอบครัวที่มองว่าไม่จำเป็นต้องได้รับสิทธิประโยชน์ เนื่องจากมีกำลังทรัพย์ในการดูแลก็นำไปสู่การไม่จดทะเบียนคนพิการเช่นกัน
“ตอนแรกเราก็ไม่จดทะเบียนคนพิการ แต่พอคุยกับหมอเรื่อย ๆ ก็ทราบว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล เมื่อลูกโตพอจะพิจารณาเรื่องเหล่านี้ได้ และลูกเห็นด้วย เราก็ตกลง เพราะเราไม่ได้อยู่ตลอดไป ในเบื้องหน้าลูกเราจะกระทำหรือถูกกระทำสิ่งใดบ้าง มันก็จะเป็นเกราะ” คุณแม่ของอเล็ก กล่าว