หลังฉากดราม่า ‘โนวัค ยอโควิช’ อดแข่งออสเตรเลียน โอเพ่นเพราะไม่ตามระเบียบออสซี่

ผู้เขียน : อาฮุย แผ่นดินใหญ่

เทนนิสระดับแกรนด์สแลมรายการแรกแห่งปีกับศึกออสเตรเลียน โอเพ่น เป็นช่วงเวลาที่แฟนกีฬารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ เพราะโนวัค ยอโควิช มีโอกาสป้องกันแชมป์

หากทำได้ โนเล จะเป็นนักเทนนิสชายที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 21 สมัย แต่ความเป็นไปได้ในการลุ้นสถิติดูเหมือนจะดับลง เมื่อรัฐบาลออสเตรเลียถอนวีซ่าของนักหวดดัง เนื่องจากประเด็นเรื่องโนเลไม่เข้าเกณฑ์ระเบียบทางสาธารณสุขของรัฐ

ช่วงต้นปี 2022 วงการเทนนิสเปิดฉากมาด้วยความดุเดือดพอสมควรกับประเด็นข้อถกเถียงระหว่างฝั่งหน่วยงานรัฐออสเตรเลีย และฝั่งยอโควิช นักกีฬาคนดังของโลกซึ่งกำลังอยู่ในเส้นทางสร้างประวัติศาสตร์เป็นสถิติครั้งใหม่

ข้อติดขัดในเส้นทางมาอยู่ที่ประเด็นว่า ยอโควิช คือหนึ่งในนักกีฬาแถวหน้าของโลกซึ่งไม่ได้รับฉีดวัคซีน ขณะที่หลายหน่วยงานต่าง ๆ ก็มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องให้ยอโควิช เข้าประเทศแตกต่างกันไป

ยอโควิชเคยได้รับอนุมัติให้เข้าออสเตรเลียได้ จากการพิจารณาของคณะทำงานอิสระ 2 คณะ (คณะกรรมการเทนนิสแห่งออสเตรเลีย และรัฐวิกตอเรีย) หลังมีประวัติว่า ยอโควิชไม่ได้รับวัคซีน และติดเชื้อเมื่อเดือนตุลาคม 2021

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ดูแลชายแดนของออสเตรเลียเป็นฝ่ายกักตัวยอโควิช ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ตามระเบียบของรัฐบาลและเพิกถอนวีซ่าของเขาไป

หลังจากนั้น ผู้พิพากษาได้ยกเลิกคำสั่งของหน่วยงานด้านพรมแดน แต่แล้วฝ่ายรัฐบาลออสเตรเลียก็เข้ามาระงับวีซ่าของโนเลอีกรอบ เมื่อ 14 มกราคม โดยให้เหตุผลว่ายึดพื้นฐานเรื่องสาธารณสุข และความเรียบร้อยโดยรวม ซึ่งทำให้โนเลยื่นอุทธรณ์

แต่สุดท้ายแล้ว ผู้พิพากษาปฏิเสธคำอุทธรณ์ นั่นทำให้โนเลต้องออกจากออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 16 มกราคม เท่ากับว่าโนเลอดป้องกันแชมป์และทำสถิติคว้าแชมป์รายการแกรนด์สแลมสมัยที่ 21 ในเมลเบิร์นในปีนี้ และจะเป็น ซัลวาตอเร่คารูโว่ มืออันดับ 150 ของโลก เข้ามาแข่งแทนที่ยอโควิช

ยอโควิชเป็นอีกหนึ่งนักกีฬาซึ่งปฏิเสธเข้ารับวัคซีน กระทั่งมีรายงานว่าเขาติดเชื้อดังกล่าวข้างต้น ขณะที่การตัดสินของผู้พิพากษาในครั้งล่าสุดนี้ ทำให้ฝ่ายรัฐบาลออสเตรเลียออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนแนวทางนี้ว่า จะทำให้ชายแดนออสเตรเลียปลอดภัย

ข้อขัดแย้งระหว่างยอโควิชกับหน่วยงานในออสเตรเลีย เป็นที่จับตาของสังคมและแฟนกีฬาทั่วโลก มุมหนึ่ง แฟนเทนนิส (โดยเฉพาะแฟนในออสเตรเลีย) ต้องการเห็นโนเลลงแข่งป้องกันแชมป์และลุ้นทำสถิติครั้งประวัติศาสตร์ที่เมลเบิร์นเพราะจะทำให้บรรยากาศในสนามคึกคัก เป็นผลดีต่อสภาพแวดล้อม และน่าจะส่งผลไปถึงเชิงเศรษฐกิจในท้องถิ่นด้วย

ขณะเดียวกัน ฝ่ายรัฐและหน่วยงานจำนวนหนึ่งในแดนจิงโจ้มองว่า การอนุมัติให้โนเลเข้าพักในออสเตรเลียได้ นั่นหมายความว่าอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการสนับสนุนฝ่ายแอนตี้วัคซีน ยิ่งกรณีบุคคลที่มีสถานะโด่งดังแล้ว กลุ่มที่ยังมีมุมมองเชิงลบต่อวัคซีนอาจใช้กรณีของโนเลมาส่งเสริมแนวคิดก็เป็นได้

ทั้งนี้ อาจต้องทำความเข้าใจกำกับไว้ว่า แม้โนเลจะไม่เข้ารับวัคซีน แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเผยแพร่ หรือส่งเสริมข้อมูลฝั่งปฏิเสธวัคซีนใด ๆ แต่ในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มแอนตี้วัคซีนในออสเตรเลียกลับใช้กรณีของโนเลมาเป็นประเด็นเคลื่อนไหว โดยมีแฮชแท็กสนับสนุนนักหวดดังในสื่อสังคมออนไลน์

ที่ผ่านมามีนักกีฬาจำนวนไม่น้อยปฏิเสธเข้ารับวัคซีน ทั้งในยุโรปและอเมริกันเกมส์ เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนและมีหลากหลายมิติซ้อนทับกัน ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ มุมมองของนักกีฬาต่อวัคซีน ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาการกีฬาเชื่อว่า นักกีฬาให้ความสำคัญกับ “ร่างกาย” ของตัวเองมากกว่าคนทั่วไป

นักกีฬาหลายรายลังเลที่จะเข้ารับวัคซีน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเรื่องได้รับข้อมูลไม่มากพอ หรืออาจเป็นไปได้ว่าได้รับข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง พวกเขาอาจรู้สึกกังวลว่าหากรับวัคซีนไปจะทำให้ร่างกายได้รับผลข้างเคียง หรือมองว่าอาจตรวจโด๊ปออกมาเป็นบวก

ผู้เชี่ยวชาญยังมองว่า ในแง่มุมเรื่องความคิด นักกีฬาก็มีโอกาสรับข้อมูลคลาดเคลื่อน หรือแม้แต่โน้มเอียงไปกับข้อมูลแนวทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับวัคซีนได้ เหมือนกับสังคมทั่วไปที่ผู้คนมีหลากหลายกลุ่ม แต่หากคนดังเริ่มออกมาแสดงท่าทีปฏิเสธวัคซีนมากขึ้น ก็อาจทำให้สาธารณชนเริ่มตั้งคำถามต่อวัคซีนมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังกันด้วย

ในอีกมุมหนึ่งเรื่องการตัดสินใจเกี่ยวกับการเปิดประตูรับยอโควิชเข้ามาแข่งในออสเตรเลีย ก็ถูกมองว่าพัวพันกับเชิงการเมือง และการบริหารจัดการภายในของออสเตรเลียเองด้วย


นี่คือสภาพของบรรยากาศ “กีฬา” ในยุคโรคระบาดระดับโลกแต่ละมิติล้วนเกี่ยวพันเชื่อมโยงกัน ท่ามกลางความสัมพันธ์อันซับซ้อนนี้เอง มีการแข่ง “กีฬา” ไปอยู่ในสายสัมพันธ์เหล่านั้น ซึ่งมีทั้งคนที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์