“ห่านคู่” แบรนด์ไทย 70 ปี แฟชั่น GEN Z รสชาติสดใหม่

สองเราเคียงคู่ : เรื่อง

จากเสื้อยืดคอกลม (ทีเชิ้์ต) และเสื้อกล้ามสีขาวธรรมดา ๆ ของแบรนด์ในตำนานที่อยู่คู่คนไทยมานานร่วม 70 ปี อย่าง “ตราห่านคู่” ถือเป็นกรณีศึกษาของผู้ประกอบการที่พยายามปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย

ทั้งแนวคิด ไลฟ์สไตล์ ดีไซน์ และผลิตภัณฑ์คุณภาพแบบหลากหลาย ไม่จำกัดเฉพาะเสื้อเท่านั้น แต่ “ห่านคู่” สามารถเป็นได้ทุกอย่างที่ทำจากผ้าคุณภาพ คือ “ใส่แล้วไม่ร้อน” เหมาะกับสภาพอากาศของเมืองไทย

จากยุค Baby Boomer สู่คนรุ่น Gen Z

ในวันนี้ แบรนด์แม่ห่านคู่กำลังเติมเต็มความสดใหม่ให้ตัวเองอีกครั้ง ผ่านแบรนด์ลูก DBGS ที่ย่อมาจาก DOUBLE GOOSE เพื่อฉลองการก้าวสู่ปีที่ 70 และความคาดหวังที่อยากสร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการเสื้อผ้า โดยเฉพาะตลาดฟาสต์แฟชั่นที่มีแบรนด์นอกกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่

เชื่อแน่ว่าถ้าคนรุ่นใหม่ได้เอ่ยถามถึงคนรุ่นแรกของตระกูลว่า รู้จักเสื้อยืดตราห่านคู่มั้ย คิดว่าคำตอบคงได้เหมือนกันคือ “รู้จัก” และเคยใส่อยู่ทุกวัน ใส่จนเป็นตราสัญลักษณ์ของอาเจ็กอาแปะขายของร้านชำรุ่นเก่าแก่

มาวันนี้ความคลาสสิกได้ “ต่อยอด” ให้เป็นความทันสมัย กลายเป็นแฟชั่นแบบล้ำ ๆ เพื่อให้ทายาทรุ่นใหม่อยากซื้อสวมใส่บ้าง โดยเปลี่ยนยุคสมัยมายาวนานเข้าสู่การนำแบรนด์คอลแลบส์เทรนด์นิยมต่าง ๆ ด้วยดีไซน์และกิมมิก

สร้างความสนุกสนานในทางการตลาด เพื่อกระตุกความสนใจของสายแฟ แต่ละเจเนอเรชั่น ให้ลูกค้าสามารถเลือกชมและสั่งซื้อออนไลน์ได้ตามความพอใจ

สามย่านมิตรทาวน์ พ็อปอัพสโตร์แห่งแรก

ล่าสุด ห่านคู่ แบรนด์แม่ในตำนานได้ตกผลึกอีกครั้งผ่านการดีไซน์สดใหม่ ผสานจุดแข็งเรื่องคุณภาพเนื้อผ้าและการตัดเย็บ เพื่อบุกตลาดคนรุ่นใหม่ Gen Z สู่รันเวย์สตรีตแวร์ แฟชั่นสมัยใหม่แบบครบทุกมิติ ภายใต้สโลแกน Lifestyle wear for everyone’s work and play

พร้อมฉลองเปิดพ็อปอัพสโตร์แห่งแรกอย่างเป็นทางการของดีบีจีเอส ที่ชั้น 1 สามย่านมิตรทาวน์ (SYM) โครงการมิกซ์ยูสใจกลางเมือง ในวันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม 2565 เป็นทางเลือกให้ลูกค้าคนรุ่นใหม่มาเดินเล่นเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ที่ช็อปหน้าร้าน และลุ้นรางวัล ส่วนลดสูงสุด 30% มีทั้งกระเป๋า สายคล้องแมสก์ที่เน้นดีไซน์สุดคูล

นับเป็นการลงทุนเพื่อปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ขยายช่องทางการรับรู้ของแบรนด์ใหม่ เจาะตรงกลุ่มเป้าหมายในทำเลแหล่งสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับประเทศ

คอลเล็กชั่นใหม่รับปีใหม่ 2022

ดีบีจีเอส วางคอนเซ็ปต์ใหม่ ภายใต้สีสันของ Natural Shade of The Earth โดยดึงเอาโทนสีเทา, แดง, น้ำตาล, ดำ, กรม จากอิลิเมนต์ต่าง ๆ ในธรรมชาติมาผสมผสานจัดวางใหม่ โดยหยอดสไตล์มินิมอลลิสม์ ผสมกลิ่นอายของเอเชียนคัลเจอร์ เกาหลี ญี่ปุ่น ให้เข้ากับงานออกแบบที่เน้นความรู้สึกเป็นอิสระ ไร้กฎเกณฑ์ มีสไตล์เฉพาะตัว และโดดเด่นในแบบฉบับของความเป็นตัวตน (individuality) ผ่านลายสกรีน และการตัดต่อผ้าหลายชิ้นหลายสี (color blocking) ให้เป็นลายที่ลงตัว

รวมถึงรูปทรงเสื้อผ้า (silhouette) ที่ออกแบบและตัดเย็บอย่างมีลูกเล่น ให้คนรุ่นใหม่สวมใส่ง่าย และใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันดีไซน์เน้นความเรียบง่าย มีเสน่ห์แฝงรายละเอียด เอาใจกลุ่มคนรักสตรีตแวร์

เน้นแพตเทิร์นหลากหลาย เหมาะกับไลฟ์ไตล์คนเจน Z ที่ชอบมิกซ์แอนด์แมตช์ ตามการใช้งานได้ในแต่ละวัน ไม่ว่าจะไปชิลคาเฟ่ เซิร์ฟสเกต คัฟเวอร์แดนซ์ หรือปาร์ตี้ทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ และครอบครัว โดยมีรูปแบบเอาใจหนุ่มสาวจ็อบเบอร์สายแฟด้วย สามารถหยิบไปใช้เป็นไอเท็มสู้กับความหนาวเย็นของแอร์ขั้วโลกในออฟฟิศอีกด้วย

สไตล์คอลเล็กชั่นใหม่ รับปีใหม่ 2022 ของ DBGS เป็นได้ทั้งแบบยูนิเซ็กซ์ (unisex) และหนุ่มสาวโดยเฉพาะ ซึ่งฮีโร่ของคอลเล็กชั่นนี้ต้องยกให้สไตล์สตรีตโอเวอร์ไซซ์ (oversize) ที่คงความนิยมต่อเนื่อง

พิเศษเพิ่มเข้ามาคือ ความสบายตัวขั้นสุดเมื่อใช้งานจริง ผ่านการแก้ปัญหาเรื่องความรู้สึกอึดอัด ด้วยดีไซน์ทรงเสื้อหลวม และทรงเสื้อทรงปกติ เนื้อผ้าเน้นความนุ่ม ลื่น ใส่สบาย เท่ได้ทั้งผู้ชายผู้หญิง ตามขนาดที่ชอบ ราคาก็จับต้องได้

ทั้งเสื้อแขนสั้น แขนยาว เสื้อลายกราฟิกของหนุ่ม ๆ แบบโอเวอร์ไซซ์ และทรงปกติ

ส่วนของสาว ๆ เป็นเสื้อคร็อปท็อปตัวสั้นพิมพ์ลายเสื้อเข้ารูปสไตล์สาวสปอร์ต (Baby Tee) เสื้อแจ็กเกตซิปหน้าดีไซน์ฮิป ชุดเดรสฮูดดี้ที่ดูคิวต์ มีให้เลือกทั้งแยกใส่และชุดเซตบนล่าง (กางเกงขาสั้น และ sweatpants กางเกงวอล์มแนวสตรีต) เพื่อลุกเข้ายุคหญิงชายในปี 2022

นอกจากนี้ยังมีแฟชั่นไอเท็มแนวสตรีต พวกหมวกแก๊ป สายคล้องแมสก์ เชตกระเป๋าผ้าแคนวาส (ทั้งใบใหญ่-ใบเล็ก) กระเป๋าผ้าพิมพ์ลายตามสมัยนิยม

นอกจากความหลากหลายของการออกแบบแล้ว ลึกลงไปคืองานตัดเย็บคุณภาพที่ประณีตทุกฝีเข็ม เน้นใช้เนื้อผ้านุ่ม ใส่สบายไม่ร้อน อันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ทุกเจเนอเรชั่นของแบรนด์ในตำนานอยู่ยงคงกระพัน ลูกค้าซื้อไปแล้วต้องกลับมาซื้อซ้ำอีก นี่คือสิ่งที่แบรนด์แม่ตอกย้ำและคาดหวัง

เคล็ดไม่ลับ…แบรนด์แม่สู่แบรนด์ลูก

“ห่านคู่” เป็นแบรนด์ยอดนิยมของคนไทย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) โดย นายเจือ ธนสารสมบัติ หรือชื่อเดิม “นายเจือ แซ่ฉั่ว”

ปัจจุบันบริหารโดยทายาทรุ่นสาม นายคุณากร ธนสารสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานไทยแลนด์ นิตติ้ง จำกัด ดีกรีปริญญาโทบริหารธุรกิจ MBA จากสหรัฐอเมริกา ตั้งเป้าจะสร้างให้เป็นแบรนด์ 100 ปี

แบรนด์นี้แรกเริ่มมาจากสินค้าเสื้อผ้าจากประเทศฮ่องกงที่นายเจือร่วมหุ้นกับเพื่อน นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่าย ซึ่งมีทั้งสบู่ น้ำหอม กระติกน้ำ ฯลฯ ภายใต้การจัดจำหน่ายของบริษัท “เซ่งเชียงไถ่” ในสมัยนั้น

จากตลาดที่กำลังไปได้ดี มาถึงปี 2496 ธุรกิจนำเข้าเกิดการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากในยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม ประกาศให้คนไทยใช้สินค้าไทย ตามนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ”

นายเจือและเพื่อนจึงลงทุนตั้งโรงงานผลิตเสื้อยืด เสื้อกล้าม และกางเกงในสำเร็จรูป โดยใช้ชื่อว่า “ตราห่านคู่” เป็นแบรนด์ตัวเองครั้งแรกนับจากนั้น

พร้อมเดินหน้าด้วยกลยุทธ์

1.rebranding ปรับโลโก้รูปห่านหันหน้าเข้าหากันในน้ำ ล้อมด้วยวงกลม เป็นรูปห่านหันหน้าเข้าหากัน ใต้ตัวห่านมีคำว่า Sine 1953 ต่อท้ายด้วย DOUBLE GOOSE

2.ฉีกดีไซน์ใหม่ ไม่จำกัดแบบและสี

3.สร้าง brand image ให้เป็นคนรุ่นใหม่ และ collaboration กับแบรนด์อื่น ๆ ที่ทันสมัย

4.ขยายช่องทางจำหน่ายในทุกช่องทาง ทั้งออฟไลน์-ออนไลน์

5.คิดค้นนวัตกรรม cool cotton เน้นใส่สบาย ระบายอากาศ

6.สื่อสารผ่านโลกโซเชียล อัพเดตคอนเทนต์ และกิจกรรมการตลาด รวมถึง CSR