GPSC ลุยเพิ่มพอร์ตพลังงานหมุนเวียนมุ่งแสวงหานวัตกรรมตอบโจทย์สู่ Net-Zero

บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) GPSC

GPSC รุกธุรกิจพลังงานตอบโจทย์ลดโลกร้อนรับเทรนด์โลก ผ่านกลยุทธ์ 4S ก้าวสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ปี 2050 Net Zero เน้นเพิ่มพอร์ตพลังงานหมุนเวียนให้ได้มากกว่า 50% ของกำลังการผลิต ยกเลิกการลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน เสาะหาเทคโนโลยีเพื่อดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ควบคู่กับการขายคาร์บอนเครดิต

วันที่ 11 สิงหาคม 2565 นายจารุวัฒน์ สิงห์สมดี ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสบริหารบริษัทในเครือและโครงการลงทุน รักษาการผู้จัดการส่วนนโยบายความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า GPSC ได้กำหนดแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยมุ่งตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและกลยุทธ์ความยั่งยืน

โดยวางเป้าหมายที่จะก้าวสู่องค์กรความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero GHG Emissions) ในปี ค.ศ. 2060 ร่วมกับกลุ่ม ปตท. และสอดรับกับนโยบายประเทศผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก หรือ 4S ที่จะขับเคลื่อนให้ GPSC ก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านนวัตกรรมพลังงานเพื่อความยั่งยืนระดับโลก

จารุวัฒน์ สิงห์สมดี
จารุวัฒน์ สิงห์สมดี

 

สำหรับกลยุทธ์ 4S ประกอบด้วย S1: Strengthen and Expand the Core การสร้างความแข็งแกร่ง พร้อมขยายการให้บริการในธุรกิจหลัก ที่เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต S2: Scale-up Green Energy การเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาด S3: S-Curve & Batteries การพัฒนานวัตกรรมพลังงานและธุรกิจแห่งอนาคต S4: Shift to Customer-centric Solutions บริการโซลูชั่นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ทั้งในด้านการผลิตไฟฟ้าและสาธารณูปโภค โดยใช้นวัตกรรมพลังงานทั้งโรงไฟฟ้าหลักและโรงฟฟ้าพลังงานทางเลือก

“กลยุทธ์ 4S จะนำไปสู่โจทย์ Net-Zero โดยค่อย ๆ ลดความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งเราดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์ S1 เรามุ่งมั่นที่จะเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าให้มากขึ้น และไม่ลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ ส่วนกลยุทธ์ S2 เรามุ่งเพิ่มสัดส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนให้ได้มากกว่า 50% ในปี ค.ศ. 2030

กลยุทธ์ S3 เรายังคงมองหานวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น แบตเตอรี่ที่จะมาเพิ่มประสิทธิภาพของไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และสำหรับกลยุทธ์ S4 เราให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า มุ่งเน้นการบริหารจัดการพลังงานแบบครบวงจร โดยเฉพาะการใช้นวัตกรรมพลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับลูกค้าแต่ละราย” นายจารุวัฒน์กล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทิศทางการพัฒนาธุรกิจของ GPSC จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น แต่ด้วยประสิทธิภาพของการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ ยังคงต้องพึ่งพิงพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ดังนั้น จึงต้องมุ่งหาเทคโนโลยีใหม่ที่จะมาช่วยดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO₂ และนำไปกักเก็บ หรือการนำคาร์บอนไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ (Carbon Capture Utilization and Storage : CCUS)

รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำก๊าซไฮโดรเจนเข้ามาเป็นส่วนผสมในตัวเชื้อเพลิง เพื่อทำการเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ลดการเกิดคาร์บอน ขณะเดียวกัน คาร์บอนที่สามารถลดได้ จะนำไปสู่การซื้อขายในตลาด (Carbon Credit) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ GPSC กำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net-Zero

“ปัจจุบันโรงไฟฟ้าพลังงานหลักยังคงมีความจำเป็นในการพัฒนา เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ในประเทศ แต่การมุ่งสู่ขยายพอร์ตพลังงานสะอาดจะช่วยเพิ่มการกระจายการใช้เชื้อเพลิง เพื่อให้สัดส่วนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง เพราะวันนี้ยังไม่มีเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ Low Carbon ควบคู่กับเสถียรภาพในการจ่ายพลังงาน แต่ในฐานะบริษัทพลังงานจึงต้องพยายามหาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ทั้งการพัฒนาแบตเตอรี่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานหมุนเวียน การหาเทคโนโลยีดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในขณะนี้ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่โลกกำลังมุ่งสู่เทรนด์พลังงานสะอาด” นายจารุวัฒน์กล่าวเสริม

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากกลยุทธ์ขององค์กรแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญในเรื่องของ ESG (Environmental, Social and Governance) ซึ่งขณะนี้บริษัทมุ่งเน้นไปในเรื่อง Climate Change ที่จะช่วยแก้ปัญหา บรรเทาผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยมีการศึกษาเพื่อลงทุนโครงการใหม่ที่เป็น Green Energy เพื่อตอบโจทย์สังคมและเป้าหมายในอนาคต โดยร่วมกับสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืนของบริษัทอีกทางหนึ่ง