ราช กรุ๊ป ปลื้มกำไรครึ่งปีแรก 3,775 ล้านบาท ทุ่มงบฯกว่า 30,000 ล้าน ปิดดีลลงทุนโรงไฟฟ้าดันเป้าหมาย 700 เมกะวัตต์ภายในปีนี้ 2565 แง้มหารือชิปเปอร์เล็งนำเข้าก๊าซ LNG
วันที่ 15 สิงหาคม 2565 นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 โดยรับรู้รายได้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 91 รวมเป็นเงินจำนวน 36,699.36 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากโรงไฟฟ้าราชบุรี กลุ่มโรงไฟฟ้าในออสเตรเลีย โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำอาซาฮาน ในอินโดนีเซีย และโรงไฟฟ้าสหโคเจนชลบุรี
- ขาลงยางพารา ราคาร่วงฉุดไม่อยู่ 10 วันราคาตกลงไปแล้ว 7 บาทกว่า
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
รวมทั้งโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์อีก 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว ในอินโดนีเซีย ที่ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ให้กับการไฟฟ้าอินโดนีเซียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ภายใต้สัญญาระยะยาว 25 ปี และโรงไฟฟ้าเน็กส์ซิฟ ราช เอ็นเนอร์จี ระยอง ที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ภายใต้สัญญาระยะยาว 25 ปี
ทั้งนี้ จากความผันผวนของราคาเชื้อเพลิง รวมทั้งค่าใช้จ่ายจากการบริหารต้นทุนทางการเงินและการจัดหาเงินทุนเพื่อรองรับการลงทุนที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต จนส่งผลต่อต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรงวดนี้มีจำนวน 3,775.45 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.3 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2564
นอกจากนี้ บริษัทยังมีความก้าวหน้าในการขยายการลงทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอีก 700 เมกะวัตต์ภายในปีนี้ โดยอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลักและพลังงานทดแทน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้
ส่วนธุรกิจนอกภาคการผลิตไฟฟ้า ยังมุ่งเป้าหมายที่ธุรกิจบริการสุขภาพ และนวัตกรรมด้านพลังงานซึ่งจะดำเนินการผ่านบริษัท อินโนเพาเวอร์ จำกัด ที่บริษัทร่วมถือหุ้นร้อยละ 30 รวมทั้งมีแผนการนำเข้าก๊าซ LNG ซึ่งอยู่ระหว่างหารือกับชิปเปอร์ซึ่งยังเป็นไปตามกำหนด
สำหรับการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ขับเคลื่อนตามกลยุทธ์ 3 G โดย G-1 (Growth) มุ่งแสวงหาโอกาสเติบโตในธุรกิจเพื่อต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต G-2 (Green) สนับสนุนด้านพลังงานทดแทน และยกระดับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาลตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ G-3 (Generate) เน้นประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าและพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ
โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายการขยายธุรกิจ โดยธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะเพิ่มกำลังผลิตไม่ต่ำกว่า 700 เมกะวัตต์ ตามแผน และเพิ่มการลงทุนในธุรกิจนอกภาคการผลิตไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 600 ล้านบาท พร้อมทั้งการจัดทำกลยุทธ์ความยั่งยืนและเป้าหมายในปี 2573 ซึ่งรวมถึงการพัฒนากระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน และกลยุทธ์การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ใช้เงินลงทุนจำนวน 1,454.81 ล้านบาท โดยมี 4 โครงการเดิมในธุรกิจผลิตไฟฟ้า และ 1 โครงการใหม่ในธุรกิจนอกภาคการผลิตไฟฟ้า
สำหรับปี 2565 บริษัทได้ตั้งงบฯลงทุนไว้จำนวน 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนธุรกิจผลิตไฟฟ้า 28,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นเงินลงทุนในโครงการใหม่จำนวน 26,500 ล้านบาท และโครงการเดิมจำนวน 1,500 ล้านบาท
“ส่วนเงินลงทุนในธุรกิจนอกภาคการผลิตไฟฟ้า จัดสรรไว้จำนวน 2,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินลงทุนโครงการใหม่ 1,400 ล้านบาท และโครงการเดิม 600 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทยังคงยึดแนวทางการลงทุนในรูปแบบการซื้อ หรือร่วมทุนในกิจการที่ดำเนินงานแล้ว ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพของกระแสเงินสดและสภาพคล่องของบริษัท และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนคุณค่าร่วมแก่ผู้มีส่วนได้เสียด้วย” นางสาวชูศรีกล่าว
ในครึ่งปีแรก บริษัทรับรู้กำลังการผลิตที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตามการถือหุ้นรวม 7,384.63 เมกะวัตต์ จากกำลังการผลิตรวม 9,219.33 เมกะวัตต์ โดยในครึ่งปีหลัง โรงไฟฟ้าพลังงานลมอีโค่วิน กำลังการผลิตตามการถือหุ้น 15.16 เมกะวัตต์ ในเวียดนาม และส่วนขยายของโรงไฟฟ้าราชโคเจนเนอเรชั่น กำลังการผลิตตามการถือหุ้น 31.20 เมกะวัตต์ มีกำหนดจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์
สำหรับผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม จำนวน 36,699.36 ล้านบาท ต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวม จำนวน 33,456.76 ล้านบาท และกำไรส่วนของบริษัท จำนวน 3,775.45 ล้านบาท ฐานะการเงินของบริษัท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 188,519.68 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 79,104.32 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 109,415.36 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทยังมีศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งสะท้อนจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.24 เท่า และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นร้อยละ 8.25