กรมปศุสัตว์ สั่งฝังทำลายซากสุกรผิดกฎหมาย 34 ตัน

กรมปศุสัตว์ฝังซากสุกรผิดกฎหมาย

กรมปศุสัตว์ สั่งฝังทำลายซากสุกรผิดกฎหมาย 34 ตัน ที่ยึดได้จากห้องเย็นนครปฐม-นครสวรรค์ เฝ้าระวังโรคระบาดชนิดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร

วันที่ 28 กันยายน 2565 นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เผยว่า กรมปศุสัตว์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ทำลายซากสัตว์ผิดกฎหมายกว่า 10.2 ตัน ที่ยึดได้จากห้องเย็นแห่งหนึ่งในนครปฐม และได้รับมอบซากสุกรจากกรมศุลกากร เพื่อทำลายชากสุกรของกลางอีกจำนวน 23.8 ตัน ตามข้อตกลงระหว่างกรมปศุสัตว์กับกรมศุลกากรในวันเดียวกัน ณ ด่านกักกันสัตว์นครสวรรค์ รวม 34 ตัน

กรมปศุสัตว์ โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษพญาไท และปศุสัตว์จังหวัดนครปฐมในฐานะเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ตรวจสอบห้องเย็นแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม พบว่าซากสัตว์ดังกล่าวไม่มีเอกสารหลักฐานใด ๆ ที่รับรองสุขศาสตร์ซากสัตว์จากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการนำเชื้อโรคระบาด

จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 40(4) แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ประกอบกับกฎหมายว่าด้วยการทำลายซากสัตว์ จึงเห็นสมควรให้ดำเนินการทำลายซากสัตว์ของกลางดังกล่าวที่จังหวัดนครปฐมจำนวนกว่า 10,200 กิโลกรัม และได้รับมอบซากสุกรจากกรมศุลกากร เพื่อนำมาทำลายชากสุกรของกลางอีกจำนวน 23,800 กิโลกรัม ตามข้อตกลงระหว่างกรมปศุสัตว์กับกรมศุลกากร

ในวันเดียวกัน ณ ด่านกักกันสัตว์นครสวรรค์ รวม 34,000 กิโลกรัม โดยได้ดำเนินการทำลายโดยวิธีฝังกลบเรียบร้อยแล้ว ตามระเบียบกรมปศุสัตว์ ว่าการทำลายซากสัตว์ที่ผิดกฎหมาย

อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมปศุสัตว์จะดำเนินการตรวจสอบสถานที่เก็บซากสัตว์ ป้องกันการลักลอบนำเข้า และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง และเนื่องจากพื้นที่จังหวัดนครปฐมได้มีประกาศเรื่องกำหนดเขตเฝ้าระวังโรคระบาดชนิดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever: ASF) ในชนิดสัตว์สุกรและหมูป่า ทำให้การเคลื่อนย้ายซากสุกรทุกครั้งต้องแจ้งการเคลื่อนย้ายในพื้นเขตโรคระบาด ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558

ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการแจ้งเบาะแส โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติม หรือ www.dld.go.th หรือแอปพลิเคชั่น DLD 4.0 หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 06-3225-6888 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง