สุพัฒนพงษ์ มั่นใจเศรษฐกิจไทยแกร่ง ลุยเปิดประตูการค้า สร้างอุตสาหกรรมใหม่ใน 10 ปี

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์

สุพัฒนพงษ์ มั่นใจเศรษฐกิจไทยยังเเข็งแกร่ง ลุยเปิดประตูการค้า-การลงทุน รุกกลยุทธ์ 3 แกน (pillar) สร้างอนาคตประเทศ มองไทยผ่านวิกฤตโควิด-19 รุนแรงที่สุดแล้ว พร้อมรับมือความท้าทายวิกฤตใหม่ สภาพภูมิอากาศ เศรษฐกิจถดถอย เงินเฟ้อ พลังงาน ชี้ไทยจะมีการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่อีกมากในระยะ 10 ปี

วันที่ 27 ตุลาคม 2565 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน Bangkok Post Forum 2022 : Accelerating Thailand (พลิกโฉมประเทศไทย) ว่า จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้นำเสนอกลยุทธ์ 3 แกนสำคัญ (pillar) ในการสร้างอนาคตประเทศ ได้แก่ แกนที่ 1 โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ แกนที่ 2 อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและการเกษตรสมัยใหม่ และแกนที่ 3 ภาคการธนาคาร

หลายคนตั้งคำถามในแนวทางพัฒนาที่ยากและท้าทาย ซึ่งเชื่อว่าทุกประเทศมีหัวข้อที่พูดคุยคล้ายกัน โดยเฉพาะปัจจุบันเป็นสถานการณ์พิเศษ โดยหากมองดูจากแนวโน้มแล้ว ภายหลังวิกฤตการระบาดโควิด-19 ผ่านพ้นไปน่าจะต้องคลี่คลายไปได้แล้ว แต่กลับมีปัจจัยอื่นเข้ามาใหม่ และเป็นเรื่องใหม่ที่ทุกประเทศต้องรับมือ

ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บางประเทศมีปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ามีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในระยะเวลาสั้น ๆ ถึง 4 ครั้ง ยิ่งสร้างแรงกดดัน ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวเชิงเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม เรื่องของพลังงานเมื่อดีมานด์ลด กลุ่มโอเปกพลัสก็มองว่าไม่มีความจำเป็นต้องผลิตเพิ่ม จึงลดการผลิตเพิ่ม 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ก็ส่งผลต่อวิกฤตพลังงานโลกต่อเนื่อง และทุกประเทศเองก็เจอปัญหานี้ รวมถึงไทย

“เศรษฐกิจของไทยยังมีความเข้มแข็งทั้งเสถียรภาพการเงิน การคลัง สถาบันการเงินยังคงเข้มเเข็ง เพียงพอที่จะฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ จึงเชื่อมั่นว่าความกังวลที่เศรษฐกิจจะถดถอยนั้น น่าจะรุนแรงน้อยกว่าวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดความเสียหายมหาศาล รุนแรง เป็นโจทย์ยากที่ต้องทิ้งระยะห่างความสุข แต่ทั้งหมดเรายังสามารถฝ่าฟันมาได้ ดังนั้น เราจึงต้องเดินหน้า มองไปข้างหน้า สอดคล้องกับ Accelerating Thailand รวมถึงมีแผนพัฒนา 13 หมุดหมายของไทย”

ทั้งนี้ กลยุทธ์ 3 แกนสำคัญ (pillar) ของรัฐบาลในการสร้างอนาคตประเทศ ที่นายกรัฐมนตรีมองไว้ อยากจะยกเรื่องของประตูสู่การค้า การลงทุนภูมิภาค โดยปัจจุบันรัฐบาลเตรียมความพร้อมสนับสนุนการเปิดประตูการค้าการลงทุน โดยขณะนี้มีการวางโครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงทุกภูมิภาค ในฝั่งตะวันออกมีโครงสร้างถนนไปถึงประเทศกัมพูชา การค้าเกิดขึ้นในชายแดน อาทิ เสียมเรียบ

ส่วนฝั่งตะวันตกมีโครงข่ายถนนไปที่ชายแดนเพื่อเข้าสู่เมียนมา น่าเสียดายว่ามีสภาวะการเปลี่ยนแปลงของเมียนมา แต่หากอีก 2 ปีไม่มีความขัดแย้งภายในประเทศก็จะเชื่อมโยงเดินทางสู่อันดามันได้ง่ายดาย เพราะด้วยความพร้อม ศักยภาพก็สามารถเข้าสู่อันดามันภายใน 2 ชั่วโมง

ส่วนทางเหนือก็มีโครงข่ายถนนผ่าน สปป.ลาว และรถไฟเชื่อมถึงจีนตอนใต้ คุณหมิง โดยฤดูกาลล่าสุดมีการขนส่งทุเรียนถึงหลายแสนตันผ่านเส้นทางนี้ เชื่อมโยงไปสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ขยายท่าเรือเเหลมฉบัง ทั้งหมดนี้จะครอบคลุมประชากร 22 กว่าล้านคน ดังนั้น โครงสร้างเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ วันนี้ใกล้จะดำเนินการเสร็จสิ้นในเวลาไม่นานและทางใต้มีโครงข่ายถนนและรถไฟไปถึงสิงคโปร์

“หากวาดตะวันออกและตะวันตกก็เชื่อมอันดามันได้หมด ไม่ใช่แค่ถนน แต่มีสายส่งไฟฟ้าที่พร้อมเชื่อมโยงไปสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ครอบคลุมประชากร 22 กว่าล้านคน และอีกหลายร้อยล้านคน ดังนั้น โครงสร้างเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องใช้เวลา วันนี้จะดำเนินการเสร็จสิ้นในเวลาไม่นาน นี่คือสิ่งที่รัฐบาลวางระบบนิเวศ สร้างอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้น แม้การลงทุนดังกล่าวจะส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นก็ตาม จะไม่ได้นำไปใช้อย่างสิ้นเปลือง แต่เป็นการนำไปสร้างโครงสร้างพื้นฐาน” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

โดยปีนี้คำขอการลงทุนจะสูงถึง 6 แสนกว่าล้าน จึงพิสูจน์การทำงานได้ว่าประสบความสำเร็จ และการที่จะเดินไปข้างหน้าของอุตสาหกรรม ที่หลายอุตสาหกรรมเติบโต ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ปิโตรเคมี ในส่วนของการลงทุนเรื่องยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รัฐบาลได้พยายามส่งเสริม ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดี ทั้ง MG Toyota และล่าสุด BYD รายใหญ่ ๆ ไม่ใช่แค่การนำเข้ามาขายอย่างเดียว แต่เป็นการเข้ามาแล้วสร้างโรงงานและการลงทุน แค่ 9 เดือน 13,000 คัน รวมประเภทอื่น ๆ ก็มากขึ้น เป็นสิ่งที่ได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งรายเก่ารายใหม่

ดังนั้น การที่ไทยจะเดินหน้ารักษาการผลิตยานยนต์เราประสบความสำเร็จดี หากดูระบบนิเวศจะเห็นว่า ขณะนี้มีการลงทุนตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าไปแล้วถึง 869 แห่ง 2,572 หัวจ่าย กระจายทั่วประเทศไทย ผ่านแอปพลิเคชั่นเดียว

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาแรงงาน บุคลากร การแพทย์ โลจิสติกติกส์ โดยเฉพาะด้านดิจิทัล รัฐบาลได้นำดิจิทัลแพลตฟอร์มมาใช้ในโครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ช่วยให้ประชากรราว 50 ล้านคน ร่วมกันใช้ประสบการณ์ในการพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัทต่าง ๆ นำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ ทั้งหมดได้ขยายผลไปยังดิจิทัลซิสเต็มอื่น ๆ อาทิ การจำหน่ายสลากดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง และหลายธนาคารเกิดความเชื่อมั่น นอกจากนี้ ยังมีระบบคลาวด์ ดาต้า และบริษัท Amazon เชื่อมั่นในเรื่องเทคโนโลยีที่คนไทยคุ้นเคย ได้ตัดสินใจเข้ามาใช้เป็นฐานลงทุนเรื่องระบบข้อมูลแห่งหนึ่งในโลกในประเทศไทย

นอกจากนี้ รัฐบาลยังผลักดันจากการให้คำมั่นสัญญาเป้าหมายลดคาร์บอน ในปี 2065 พัฒนาขับเคลื่อน BCG โมเดล เป็นธีม (หัวข้อ) เอเปคที่รัฐบาลเอาจริง เช่น ในอีกไม่นานไทยจะเป็นผู้ผลิตไบโอพลาสติกรายใหญ่ของโลก นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีเกษตร Curcular Economy ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ด้วยเงินลงทุนจำนวนมาก และมีการนำเส้นใยจากผลผลิตทางการเกษตรมาใช้งาน ทดแทนเส้นใยที่ผลิตจากฟอสซิล นอกจากนี้ ยังมี พลังงานสะอาด 30% การผลิตรถอีวี จะเกิดขึ้นในปี 2030 พอร์ตพลังงานสะอาดจะเพิ่มขึ้น การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวล โซลาร์ลอยน้ำ ไฮโดรเจน

อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังเชื่อว่าการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ จะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายเรื่องเป็นกลางทางคาร์บอนได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะภายใน 90 วันจะมีความชัดเจน ผลศึกษาเรื่องแหล่งกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ระดับขนาดหลายพันล้านตัน ซึ่งจะสร้างศักยภาพของประเทศให้เป็นที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และมีการขยายธุรกิจมากขึ้น

ดังนั้น เรื่อง Green ที่มีทั้ง EV จะเกิดอุตสาหกรรมใหม่ จะเป็นการพลิกโฉมอุตสาหกรรมใหม่ ในระยะเวลา 10 ปีจากนี้ รวมทั้งการลงทุน BCG เเละจะเติบโตยั่งยืน ทั้งหมดนี้เป็นการลงทุนใหม่ ๆ และท้าทายไม่น้อย โดยจะใช้โอกาสนี้หารือนักลงทุน หารือกับสถานทูต การทูตต่าง ๆ พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ พร้อมปรับปรุง เช่น ได้ปรับปรุงวีซ่า (Visa Long term) ตลอดจนงานเอเปคที่จะถึงนี้ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าบ้านที่ดีเหมือนที่ทำมาในอดีต