ราคาน้ำมันดิบ (1 พ.ย. 65) ปรับลด หลังตัวเลขเศรษฐกิจจีน-ยุโรปอ่อนแอ

ราคาน้ำมันดิบ
Photo by Patrick T. FALLON / AFP

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวลดลง หลังตัวเลขเศรษฐกิจจีน-ยุโรปอ่อนแอ ท่ามกลางการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ในจีน

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวลดลง หลังสำนักงานสถิติจีน (NBS) เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคการผลิตของจีน (PMI) เดือน ต.ค. 65 ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 49.2 ซึ่งต่ำกว่า 50 แสดงถึงกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมที่ซบเซาลง

และคาดว่าจะส่งผลต่อปริมาณการใช้น้ำมันภายในประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในจีนที่ยังคงรุนแรง หลังพบตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดรัฐบาลจีนประกาศล็อกดาวน์และให้ประชาชนในเซี่ยงไฮ้เข้ารับการตรวจหาเชื้อ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 31 ต.ค. 2565 อยู่ที่ 86.53 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -1.37 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 94.83 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -0.94 เหรียญสหรัฐ

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหภาพยุโรป เดือน ต.ค. 65 ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 10.7% Y-o-Y สูงกว่าที่คาดที่ระดับ 10.2% แม้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดผ่านการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 1.5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐปรับเพิ่มขึ้น 0.9% M-o-M มาอยู่ที่ระดับ 11.98 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ส.ค. 65 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 63

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในอินเดียปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันเบนซินของออสเตรเลียที่ปรับเพิ่มขึ้น 18.3% สู่ระดับ 4.62 ล้านบาร์เรลในเดือน ส.ค. 65

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลของเกาหลีใต้เดือน ก.ย. 65 ปรับลดลง 17.04% สู่ระดับ 16.97 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลอุปทานตึงตัวจากผลกระทบของเหตุการณ์ไฟไหม้โรงกลั่นในมาเลเซีย