บีโอไอคลอด 9 มาตรการชุดใหม่เว้นภาษีให้กลุ่ม A1+ สูงสุด 10-13 ปี

บีโอไอคลอด 9 มาตรการใหม่เว้นภาษี

บอร์ดบีโอไอ ไฟเขียว 9 มาตรการชุดใหม่เริ่ม 1 ม.ค. 2566 กระตุ้นการลงทุน เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับกลุ่ม A1+ ยกเว้นภาษีให้ 10-13 ปี สำหรับอุตสาหกรรมต้นน้ำใช้เทคโนโลยี-นวัตกรรมขั้นสูง พร้อมมาตรการกระตุ้น EV กิจการผลิตไฮโดรเจน ล่าสุดตั้ง “สุพัฒนพงษ์” เป็นประธานคณะอนุกรรมการแก้ไขอุปสรรคและอำนวยความสะดวกในการลงทุน หวังแก้ไขปัญหาและลดอุปสรรค

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ยังได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนชุดใหม่ ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุน เพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่ ภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) ถึง 9 มาตรการ ประกอบด้วย

  1. มาตรการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ
  2. มาตรการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน
  3. มาตรการรักษาและขยายฐานการผลิตเดิม (Retention and Expansion Program)
  4. มาตรการส่งเสริมการย้ายฐานธุรกิจแบบครบวงจร (Relocation Program)
  5. มาตรการกระตุ้นการลงทุนในระยะฟื้นฟูเศรษฐกิจ
  6. มาตรการยกระดับอุตสาหกรรมไปสู่ Smart และ Sustainability
  7. มาตรการส่งเสริมการลงทุน SMEs
  8. มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เป้าหมาย
  9. มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม

“ซึ่งทั้ง 9 มาตรการ มีทั้งการปรับปรุงมาตรการเดิมให้ตรงเป้ามากขึ้น ลดความซับซ้อน และเพิ่มมาตรการใหม่ ๆ เช่น มาตรการรักษาและขยายฐานการผลิตเดิม และมาตรการส่งเสริมการย้ายฐานธุรกิจแบบครบวงจร ถือเป็นมาตรการเชิงรุก เพื่อตอกย้ำการเป็นฐานการลงทุนสำหรับอุตสาหกรรมใหม่ ๆ และศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ รวมถึงออกมาตรการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาคเพิ่มเติม ซึ่งมาตรการและสิทธิประโยชน์ที่ปรับใหม่ในครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือน ม.ค. 2566”

นอกจากนี้ บีโอไอได้ปรับเปลี่ยนหมวดกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุนจาก 7 เป็น 10 หมวดกิจการ เพื่อให้สะท้อนทิศทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ชัดเจนขึ้น เช่น กลุ่ม BCG กลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ดิจิทัล อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และบริการที่มีมูลค่าสูง เป็นต้น

พร้อมทั้งเพิ่มสิทธิประโยชน์กลุ่ม A1+ สำหรับอุตสาหกรรมต้นน้ำที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง เช่น ต้นน้ำของอิเล็กทรอนิกส์ และกิจการพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมาย ได้แก่ ไบโอเทค นาโนเทค และเทคโนโลยีวัสดุขั้นสูง ที่มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีร่วมกับสถาบันการศึกษาหรือสถาบันวิจัย จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 10-13 ปี

รวมทั้งได้เพิ่มประเภทกิจการที่เปิดให้การส่งเสริมการลงทุนใหม่ เช่น กิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicles: FCEV) กิจการผลิตอุปกรณ์สำหรับเซลล์เชื้อเพลิง กิจการสถานีบริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Battery Swapping Station) กิจการผลิตไฮโดรเจนจากน้ำโดยใช้พลังงานหมุนเวียน รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากไฮโดรเจน กิจการผลิตอาหารแห่งอนาคต กิจการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอวกาศ เป็นต้น

นอกจากนี้ บอร์ดบีโอไอยังได้ตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขอุปสรรคและอำนวยความสะดวกในการลงทุน โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เพื่อแก้ไขปัญหาและลดอุปสรรคต่าง ๆ สำหรับการลงทุน โดยเฉพาะกรณีนักลงทุนรายสำคัญในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคเชิงนโยบายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใบอนุญาตการประกอบธุรกิจต่าง ๆ ด้านที่ตั้งสถานประกอบการ หรือด้านแรงงานและบุคลากรทักษะสูง เพื่อเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจใหม่ นำไปสู่การเติบโตที่ทั่วถึงและยั่งยืนในอนาคต