HORIZON PLUS ตอกเสาเข็ม ก่อสร้างโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในไทย

horizon plus ตอกเสาเข็มสร้างโรงงาน

HORIZON PLUS ประกาศเดินหน้าก่อสร้างโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมส่งมอบภายในปี 2567 เดินหน้าการเปลี่ยนผ่านของผู้ประกอบการไทยในห่วงโซ่อุปทานจากเครื่องยนต์สันดาปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 รายงานข่าวระบุ บริษัท ฮอริษอน พลัส จํากัด (HORIZON PLUS) ที่เกิดจากการผสานความร่วมมือระหว่าง บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) ผู้นำด้านระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร หนึ่งในกลุ่มธุรกิจใหม่ของ ปตท. กับ Hon Hai Precision Industry Co., Ltd. (FOXCONN) ผู้นำเทคโนโลยีนวัตกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก ได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าบนพื้นที่ 313 ไร่ ณ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ อําเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี

โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร สิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมพิธี โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงของ FOXCONN กลุ่ม ปตท. คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ผู้แทนจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และผู้แทนจากสำนักเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ร่วมในพิธีครั้งนี้ด้วย

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร สิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ภารกิจสำคัญของ ปตท. คือการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในอนาคต การลงทุนและพัฒนาระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่ยั่งยืนถือเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจของ ปตท.

พิธีวางศิลาฤกษ์ของ HORIZON PLUS ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ด้วยโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจรที่ลงทุนร่วมกับ FOXCONN จะเป็นรากฐานที่ต่อยอดไปยังการพัฒนาส่วนอื่น ๆ ทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ เช่น การผลิตชิ้นส่วนที่สำคัญ การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของผู้ประกอบการไทยในห่วงโซ่อุปทานจากเครื่องยนต์สันดาปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า”

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “การร่วมมือกับ FOXCONN ไม่เพียงเพื่อลงทุนสร้างฐานการผลิตรถอีวีที่ทันสมัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาสร้างนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับผู้ประกอบการ เสริมสร้างทักษะบุคลากรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย เป็นการยกระดับอุตสาหกรรมและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

พิธีวางศิลาฤกษ์นี้ นับเป็นก้าวสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นว่า กลุ่ม ปตท. และบริษัทพันธมิตร จะดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond

ยิ่งไปกว่านั้น การรุกเข้าสู่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. ยังเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้กลุ่ม ปตท. สามารถมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ที่ตั้งไว้ภายในปี 2050 ตอกย้ำการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยพลังแห่งอนาคต ที่คำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประเทศไทยเติบโตไปในทุกมิติอย่างสมดุลและยั่งยืน”

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ HORIZON PLUS กล่าวว่า “บริษัท HORIZON PLUS ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด BOL (Build-Operate-Localize) ซึ่งนำเทคโนโลยีระดับโลกมาดำเนินการออกแบบก่อสร้างและทั้งการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและ Supply Chain ในท้องถิ่น โดยบริษัทใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ กำลังการผลิตเริ่มต้น 50,000 คันต่อปี และจะขยายเป็น 150,000 คันต่อปี ในปี 2573

การก่อสร้างจะแล้วเสร็จสามารถเริ่มการผลิตและส่งมอบรถอีวีได้ในปี 2567 ทำให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้และการจ้างงานที่ต้องใช้ทักษะสูงจำนวนกว่า 2,000 อัตรา โดยปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมที่จะให้บริการค่ายรถอีวีที่สนใจด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ลดระยะเวลาในการพัฒนาและลดต้นทุนการผลิต ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคตามมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV3)”

Mr. Kay Chiu กรรมการผู้จัดการใหญ่ HORIZON PLUS เปิดเผยว่า “การก่อสร้างโรงงานในครั้งนี้มีการยกระดับกระบวนการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติ (Automation) เพื่อตอบสนองความต้องการในการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และระยะเวลา นอกจากนี้โรงงานยังมีการวางแผนเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดมาใช้ในกระบวนการผลิต และลดการปล่อยของเสีย เพื่อให้ HORIZON PLUS เป็นโรงงานผลิตรถอีวีที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูงสุดในภูมิภาค


ทั้งนี้ ด้วยความชำนาญทางด้าน Smart Electronics ของ FOXCONN ประกอบกับประสบการณ์ในการผลิตแบบ OEM ที่ยาวนาน จะทำให้การดำเนินธุรกิจของ HORIZON PLUS ประสบความสำเร็จ และทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำการผลิตรถอีวีที่สำคัญในระดับภูมิภาคอาเซียน”