
MAX VENTURES แหล่งสร้างรายได้และจัดหาโซลูชั่นใหม่ ๆ ให้กับบริษัทในเครือ PTG พร้อมเดินหน้าเฟ้นหาพันธมิตรสตาร์ตอัพสุดยอดไอเดียและสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ หวังปั้นธุรกิจร่วมกับคู่ค้าให้เป็นแกนกลางสำคัญในการสร้างนวัตกรรม ความแข็งแกร่ง และต่อยอดธุรกิจในเครือ PTG เพื่อความอยู่ดีมีสุขของคนไทย
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัท แมกซ์ เวนเจอร์ส จำกัด (MAX VENTURES) เป็นบริษัทย่อยของ PTG ตั้งขึ้นเพื่อเป็น corporate venture capital และเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัทสตาร์ตอัพ (startup) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับคู่ค้าในรูปแบบต่าง ๆ และเป็นแกนกลางสำคัญในการสร้างนวัตกรรม หรือธุรกิจ new S-curve รวมถึงการสร้างความแข็งแกร่งและต่อยอดธุรกิจในเครือข่ายของ PTG เพื่อความอยู่ดีมีสุขของคนไทย
ทั้งนี้ MAX VENTURES จะทำหน้าที่สร้างรายได้และจัดหาโซลูชั่นใหม่ ๆ ให้บริษัทในเครือ ประกอบด้วย 1.incubation เริ่มต้นสร้างธุรกิจใหม่ ตั้งแต่สรรหาไอเดียใหม่ ๆ ที่มีโอกาสพัฒนาเพื่อริเริ่มทดสอบไอเดียกับกลุ่มลูกค้า ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นสินค้าและบริการจริง นับเป็นการสร้างธุรกิจใหม่ที่เป็นช่องทางรายได้ใหม่ให้กับบริษัท
2.investment ลงทุนในธุรกิจที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท รวมไปถึงธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงและช่วยสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับคนไทย และ 3.cocreation เป็นการร่วมสร้างธุรกิจ หรือสินค้าและบริการร่วมกับพันธมิตร (partner) โดยเปิดรับองค์กรทุกรูปแบบสำหรับการทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทและความอยู่ดีมีสุขของคนไทยไปด้วยกัน
ในแต่ละปี MAX VENTURES จะจัดโครงการ Incubation Program ในการบ่มเพาะธุรกิจภายนอกองค์กรให้ร่วม synergy สร้างโซลูชั่นใหม่ร่วมกับบริษัทในเครือ PTG ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ โดย MAX VENTURES จะร่วมมือออกแบบกิจกรรมของมหาวิทยาลัยให้เตรียมความพร้อมธุรกิจหรือผู้ประกอบการภายใต้การดูแลของมหาวิทยาลัยให้สมัครเข้าร่วมโครงการ
โดยปัจจุบันมีหน่วยงานในมหาวิทยาลัยจำนวน 5 แห่งที่ร่วม MOU กับ MAX VENTURES ประกอบด้วยสถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล, อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, และสำนักเคเอกซ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
สำหรับแนวธุรกิจ MAX VENTURES ได้ให้ความสำคัญในการร่วมลงทุนมีด้วยกัน 4 กลุ่มหลัก โดยเกิดจากแนวคิดในการพัฒนาธุรกิจที่เน้นการเชื่อมโยงและการทำงานร่วมกัน ทั้งจากภายในองค์กรและภายนอกองค์กร ได้แก่ 1.connection เป็นศูนย์กลางสร้างความเชื่อมโยงธุรกิจที่สามารถ connect ประชากรคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ไหนให้ได้เข้ามาอยู่ในเครือข่ายของ PTG ทำให้สามารถส่งต่อพัฒนาต่อยอดประสบการณ์ที่ดีให้กับคนไทยได้อย่างกว้างขวาง
2.wellness and wellbeing สร้างศูนย์กลางใหม่ ๆ เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คน พัฒนาความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทย 3.developing opportunities เป็นศูนย์กลางในการสร้างโอกาสให้คนตัวเล็กในการขับเคลื่อนธุรกิจใหม่บนความร่วมมือกับกลุ่มบริษัท PTG ในการลดต้นทุนในการดำเนินชีวิต หรือเป็นแหล่งเงินทุนให้กับธุรกิจรายย่อยที่ขาดเงินทุนในการพัฒนาสินค้าและบริการ แต่มีโมเดลธุรกิจที่มีโอกาสในการสร้างการเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
โดยธุรกิจที่สนใจในการลงทุนได้แก่ธุรกิจ startup ในรูปแบบแพลตฟอร์ม เช่น การท่องเที่ยว การขนส่ง เป็นต้น และ 4.unmatched conveniences (value added experience) ธุรกิจที่สามารถมอบประสบการณ์ที่สะดวกสบายและมีคุณค่ากว่าใครให้ลูกค้า รวมถึงธุรกิจที่สามารถพัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าและส่งเสริมสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ ของบริษัทในเครือ PTG เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการเข้าไปอยู่ในชีวิตความเป็นอยู่ของลูกค้าอย่างยั่งยืน
นอกเหนือจากการลงทุนในทางตรง ด้วยการสนับสนุนด้านการเงินให้แก่สตาร์ตอัพ และทำงานร่วมกันที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว MAX VENTURES ยังสนับสนุนด้านองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มธุรกิจ ตลอดจนทรัพยากรอื่น ๆ เพื่อช่วยให้สตาร์ตอัพเติบโตได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน รวมถึงความตั้งใจในการเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการใช้ระบบนิเวศของสตาร์ตอัพในประเทศไทย
“ตัวอย่างบริษัทที่ MAX VENTURES ร่วมลงทุน (investment portfolio) คือ 360 TRUCK แพลตฟอร์มจองรถบรรทุกขนส่งที่เล็งเห็นโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมการขนส่ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนทุกธุรกิจในประเทศ และมีมูลค่าสูงกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี โดย 360 TRUCK เป็นแพลตฟอร์มจองรถบรรทุกขนส่งที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหา “รถบรรทุกเที่ยวเปล่า” หรือการตีรถเปล่ากลับเมื่อส่งสินค้าที่ปลายทางเสร็จ
โดยการใช้ระบบจับคู่งานขนส่งอัจฉริยะหรือ smart algorithm ที่ช่วยจับคู่รถเที่ยวเปล่ากับงานขนส่ง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มรายได้แล้ว ยังช่วยให้ผู้ขนส่งสามารถเข้าถึงงานขนส่งที่น่าเชื่อถือทั่วประเทศได้ง่าย ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว ซึ่งปัจจุบันแพลตฟอร์ม 360 TRUCK ได้รับการตอบรับจากผู้ขนส่งรถบรรทุก และเจ้าของสินค้าที่มีการใช้รถขนส่งสินค้าเป็นประจำ และมีรถขนส่งเข้าร่วมรับงานอยู่ในระบบแล้วกว่า 58,000 คัน” นายพิทักษ์กล่าว