อาคม กระทุ้งรัฐ-เอกชน เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานปั๊มเศรษฐกิจ 5 ล้านล้านใน 10 ปี

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ

อาคม รมต.คลัง รับการฟื้นตัวเศรษฐกิจใช้เวลานาน จากผลกระทบโควิดที่เกิดขึ้นทั่วโลก พร้อมกระทุ้งให้ภาครัฐ-เอกชน ลงทุนปัจจุบันสัดส่วนต่อจีดีพี 24% ลดลงจากอดีต ประมาณการงบลงทุน 5 ล้านล้านบาท ระยะ 8-10 ปี ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่อง ขณะที่ปี 2566 คาดขยายตัว3-4%

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2565 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง Enhancing Economic Performance for Thailand Competitiveness : ฟื้นเศรษฐกิจไทยเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ว่าการผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ผ่านมา ไทยใช้เวลาฟื้นประมาณ 2 ปี แต่การระบาดของโควิด-19 ครั้งนี้ ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยอาจใช้เวลามากกว่า 2 ปี เพราะปัญหาแพร่ระบาดเกิดขึ้นทั่วโลก

ซึ่งมองว่าทุกฝ่ายจำเป็นต้องร่วมมือกันและใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีในการแก้ไขปัญหา เพราะไม่ใช่ผลกระทบไม่ได้เกิดจากปัญหาโควิดที่เกิดขึ้น แต่รวมไปถึงปัญหาสงครามระหว่างประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน อาหาร และแม้เศรษฐกิจไทยจะฟื้นช้า แต่สิ่งที่ต้องการคือการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ

ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ประเมินเศรษฐกิจโลก ปี 2566 อยู่ที่ 2.7% ลดลงจาก 3.2% ที่ประเมินไว้ เป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่เศรษฐกิจไทยขยายตัว 3-4% ซึ่งก็เป็นทิศทางเดียวที่สภาหอการไทยประมาณไว้ ซึ่งก็มีโอกาสเป็นไปได้ โดยเป็นการฟื้นตัวมาจากภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว การบริโภคภายในประเทศ การลงทุนจากภาครัฐและเอกชน แต่ทั้งนี้ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ราคาพลังงาน สงครามระหว่างประเทศ เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว หนี้สินในภาคครัวเรือน อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ความไม่แน่นอนของโควิด เป็นต้น

“เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจโต การผลักดันการลงทุนภาครัฐและเอกชน เป็นสิ่งที่ต้องทำ เพราะสัดส่วนการลงทุนต่อจีดีพีปัจจุบันอยู่ที่ 24% จากอดีตที่มีสัดส่วนการลงทุน 40% โดยเฉพาะการเร่งขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 5 ล้านล้านบาท ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งมีแผนเป้าหมายการลงทุน 8-10 ปี ทั้งการลงทุนด้านพลังงาน คมนาคม สาธารณูปโภค ซึ่งเม็ดเงินในการระดมทุนจะมาจากการออกพันธบัตร เงินกู้และงบประมาณภาครัฐ”

นอกจากนี้ การเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โครงการคนละครึ่ง จึงอาจจะไม่จำเป็น ขณะที่การเดินหน้าของขวัญปีใหม่กระทรวงการคลังขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำโครงการ ซึ่งคาดว่าเร็วนี้จะออกมาให้กับประชาชน

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเดินหน้าโครงการคนละครึ่ง หากจะไม่เดินหน้าต่อ ภาคเอกชนก็เข้าใจเพราะงบประมาณของภาครัฐมีจำกัด ซึ่งงบประมาณต่าง ๆ มาจากภาษีประชาชน

นอกจากนี้ ในช่วงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้านั้น เรื่องปากท้องควรเป็นเรื่องแรกที่รัฐบาลใหม่จะต้องให้ความสำคัญ หากไม่เห็นความสำคัญของปากท้องอาจจะอยู่ได้ยาก โดยเศรษฐกิจของประเทศเวลานี้เชื่อว่าจะดีขึ้นแล้ว และจะไม่เกิดสุญญากาศด้านนโยบายเศรษฐกิจแน่นอน