สุพัฒนพงษ์ เปิดแผนระเบียงเศรษฐกิจใหม่ ดึงนักลงทุนต่างชาติ

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

สุพัฒนพงษ์ รับมอบสมุดปกขาวจากหอการค้าทั่วประเทศ เชื่อข้อเสนอแนะจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย ขณะที่รัฐบาลช่วงโค้งสุดท้าย วางแผนดึงดูดนักลงทุนต่างชาติผ่านระเบียงเศรษฐกิจใหม่ คาด 90 วัน เห็นความชัดเจน

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยระหว่างการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ร่วมแรง ร่วมใจ ยกระดับไทย สู่ความยั่งยืน ในการประชุมหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 40 พร้อมกับรับสมุดปกขาว และข้อเสนอแนะด้านเศรษฐกิจของหอการค้าไทย ว่า ตนได้เข้าร่วมประชุมหอการค้าทั่วประเทศครั้งนี้ รับว่าเป็นครั้งที่ 3 พร้อมรับมอบสมุดปกขาว ซึ่งจะเป็นอนาคตของประเทศไทย เชื่อว่ารัฐและเอกชนจะร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ขณะนี้ รัฐบาลกำลังศึกษาและจัดทำการผลักดันระเบียงเศรษฐกิจพิเศษใหม่ ให้เกิดขึ้นกระจายอยู่ทุกภูมิภาค คาดว่า ภายใน 90 วันจากนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยมีประมาณ 5-6 แห่ง เพื่อให้ประเทศเกิดความเข้มแข็ง ไม่ให้เศรษฐกิจกระจุกตัวผูกติดเฉพาะพื้นที่อย่างกรุงเทพฯ โดยพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ เช่น ขอนแก่น อุบลฯ ภาคตะวันตกที่จะเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน

พร้อมผลักดันให้เกิดการลงทุน สร้างแรงจูงใจให้กับประเทศที่จะย้ายฐานการผลิต ให้ประเทศไทยเป็นทางเลือก ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องสร้างจุดขายให้เกิดขึ้น

ขณะที่ การดึงดูดการลงทุนไม่ใช่เพียงอุตสาหกรรมใหม่ ๆ รวมไปถึงอุตสาหกรรมเดิมที่น่าสนใจ ซึ่งรัฐบาลมุ่งเน้นดึงลงทุนในพลังงานสะอาด พร้อมทั้งดึงอุตสาหกรรมต่าง ๆ เข้ามาใช้กระจายไปสู่ระดับพื้นที่ โดยมีโครงสร้างพื้นฐานเป็นที่รองรับ จะไม่ทำให้เป็นภาระต้นทุนของผู้ประกอบการ

“ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรอไว้แล้ว ทั้งเส้นทางคมนาคม และโครงข่ายอินเทอร์เน็ต”

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ หอการค้า
สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รับสมุดปกขาวจากสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 40 ณ จังหวัดอุบลราชธานี

อย่างไรก็ดี เชื่อมั่นว่าการดำเนินงานของรัฐบาลในโค้งสุดท้าย ไม่ได้หยุดนิ่งยังคงสร้างความเชื่อมั่นและความยั่งยืน พร้อมทั้งต้องการให้ทุกฝ่ายช่วยสนับสนุนและดูแลผู้ประกอบการ SMEs และส่งเสริมให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกหอการค้าเพื่อที่จะได้เข้าถึงการส่งเสริมการดูแลการลงทุนได้ให้มีความเติบโตและยั่งยืนในอนาคต

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวอีกว่า ประเทศไทยในสายตาต่างชาติหลังการประชุมเอเปคนั้น ถือว่ามีศักยภาพดึงดูดการลงทุน ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะนโยบาย BCG ที่จะเป็นโอกาสของประเทศ ซึ่งไทยเป็นประเทศที่มีความพร้อมในและเป็นโมเดลของความยั่งยืน ที่สามารถทำได้ทั้งอุตสาหกรรมเก่า อุตสาหกรรมใหม่ อีกทั้ง BCG จะเป็นเกราะป้องกัน กติกาหรือระเบียบการค้าโลกภายในสนธิสัญญาการค้าของประเทศต่าง ๆ

นอกจากนี้ รัฐบาลก็พร้อมที่จะหารือในการผลักดันสร้างรายได้ในรูปแบบต่าง ๆ ในการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าที่มาจาก BCG พร้อมวางเป้าหมายกระจายไปทั่วประเทศให้ได้ภายใน 3-5 ปี พร้อมทั้งต้องการให้ทุกฝ่ายทุกหน่วยงานร่วมกันยกระดับมาตรฐานสินค้าไม่ให้มีการถูกกีดกันเปิดการเจรจาเพิ่มช่องทางสินค้าไปสู่สากลให้มากขึ้น

อย่างไรก็ดี สำหรับวันนี้การรับมอบสมุดปกขาว เชื่อว่าข้อแนะนำในสมุดปกขาวจากภาคเอกชนจะเป็นความหวังในการฟื้นเศรษฐกิจไทย โดยรัฐบาลและเอกชนจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อไป เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโต ขณะที่พันธมิตรลงทุนอย่างจีนและญี่ปุ่นยังเข้มแข็ง

ส่วนรายใหม่อย่างซาอุดีอาระเบีย และลาติอเมริกาก็พร้อมเข้ามาลงทุน โดยจากนี้รัฐบาลจะเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการลงทุนโดยเฉพาะอุตสาหกรรมใหม่ เช่น รถไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ต่อไปในอนาคต