จีนเปิดประเทศ ยกเลิกกักตัวโควิด ดันเครื่องยนต์เศรษฐกิจเอเชีย

เกรียงไกร เธียรนุกุล
เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

ส.อ.ท.เผยจีนยกเลิกกักกันโควิด-19 นักท่องเที่ยวเริ่ม 8 ม.ค. 2566 ทำเศรษฐกิจดีขึ้น หนุนการค้าและท่องเที่ยวไทยให้กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง หลังประเทศคู่ค้าอเมริกา อียูกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เตรียมรับมือราคาพลังงานพุ่งอีกระลอก เชื่อความต้องการใช้น้ำมันในจีนพุ่ง

วันที่ 27 ธันวาคม 2565 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่จีนได้ประกาศยกเลิกมาตรการกักกันโรคโควิด-19 ให้กับนักเดินทาง โดยจะเริ่มมีผลในวันที่ 8 ม.ค. 2566 ซึ่งจะตรวจสอบเพียงแค่เอกสารผลการตรวจคัดกรองโควิด-19 ด้วยวิธี PCR ออกมาเป็นลบ ภายใน 48 ชม. ก่อนเดินทางถึงจีน

จากการผ่อนปรนการเข้าประเทศดังกล่าว ถือเป็นข่าวดีต้อนรับปี 2566 สำหรับเศรษฐกิจโลกและไทย หลังจากที่จีนได้กำหนดนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero COVID) มาเกือบ 3 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออก และการท่องเที่ยวในภาพรวม และไทยจะได้รับอานิสงส์สูงจากนักท่องเที่ยวจีน เนื่องจากเป็นนักท่องเที่ยวหลักของไทย

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามรายละเอียด ถึงการเปิดให้คนจีนเดินทางได้อย่างเสรีด้วยหรือไม่ เพราะจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวไทยอย่างมาก ซึ่งประเมินในปี 2566 อาจทำให้มีนักท่องเที่ยวสูงถึง 25-26 ล้านคน

นอกจากนี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกถดถอย (Recession) จีนถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญในภูมิภาคเอเชียที่ก่อนหน้านี้หยุดทำงาน และจะกลับมาเริ่มรีสตาร์ตอีกครั้ง ทั้งการค้า การเดินทางจะเพิ่มขึ้น เมื่อเศรษฐกิจจีนเติบโตได้ดี ย่อมเป็นโอกาสต่อการส่งออกของไทย ที่จะเป็นอีกตลาดหนึ่งที่สำคัญท่ามกลางตลาดคู่ค้าหลัก อย่างสหรัฐและสหภาพยุโรป ที่กำลังเข้าสู่ภาวะชะลอตัวตามทิศทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจจีนเติบโตมากขึ้นก็มีปัจจัยที่อาจจะต้องระวังคือความต้องการใช้พลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันของจีนก็จะปรับตัวสูงขึ้น และจะกดดันให้ราคาพลังงานภาพรวมปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย โดยล่าสุดเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) ได้คาดการณ์ว่า หากจีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบน้ำมันดิบในตลาดโลกจะพุ่งแตะระดับ 121 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปัจจุบันเฉลี่ยที่ 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้นเป็นสิ่งที่ไทยเองต้องเตรียมพร้อมรับมือเช่นกัน