
รมช.สุนทร มอบนโยบายกรมฝนหลวงฯ 8 ด้าน มุ่งเสริมศักยภาพหน่วยงาน พร้อมช่วยเหลือเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำอย่างทั่วถึง และบรรเทาภัยพิบัติทางธรรมชาติ
วันที่ 5 มกราคม 2565 นายสุนทร ปานแสงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายการดำเนินงานให้แก่กรมฝนหลวง และการบินเกษตร โดยมีนายสุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวง และการบินเกษตร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวง และการบินเกษตร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมฝนหลวง และการบินเกษตร เข้าร่วม ว่า
- อนุทินอัพเดตทรัพย์สินภรรยาคนที่ 3 “วธนนนท์” ค้างค่าหย่าภรรยาคนที่ 2
- เปิดภาพโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ติดถนนวิภาวดีรังสิต
- ด่วน พิธา ผ่องถ่ายหุ้นมรดก ITV ให้ทายาทคนอื่น สู้คดีถือหุ้นสื่อ

กรมฝนหลวง และการบินเกษตร ถือเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่สำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีภารกิจเฉพาะด้านในการปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในพื้นที่การเกษตร พื้นที่ป่าไม้และเขื่อนเก็บกักน้ำ ซึ่งเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค
และประสบปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติด้านต่าง ๆ เช่น ปัญหาหมอกควันไฟป่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เป็นต้น ตลอดจนการบรรเทาความรุนแรงของพายุลูกเห็บอีกด้วย
ทั้งนี้ ตนยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่สำคัญในการเพิ่มปริมาณน้ำจากภารกิจปฏิบัติการฝนหลวง จึงได้มีนโยบาย/งานสำคัญ 8 ด้าน ที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตรต้องขับเคลื่อน ได้แก่
1.การต่อยอดตำราฝนหลวงพระราชทาน โดยการกำหนดยุทธศาสตร์เป้าหมายงานวิจัย เพิ่มศักยภาพงานวิจัย เพื่อการพัฒนาต่อยอดวิธีการหรือเทคนิคทำฝนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การวิจัยเพื่อเพิ่มสูตรหรือปรับสูตรสารฝนหลวง การวิจัยปรับวิธีการทำฝนหรือดัดแปรสภาพอากาศ รวมถึงการศึกษาวิจัยเพื่อนำไปใช้ในกระบวนงานสนับสนุน เช่น วิจัยเพื่อลดการใช้กำลังคนในการบดโปรย เป็นต้น
2.การปฏิบัติการฝนหลวงหรือการทำฝนหลวง ให้ประชาชนเห็นผลแบบประทับใจ หมายถึงการระดมทรัพยากรทำฝนในพื้นที่เป้าหมายให้เพียงพอในเชิงปริมาณน้ำ ให้มีความชุ่มชื้นเพียงพอภายในระยะเวลาอันสั้น เพื่อที่จะย้ายไปดำเนินการพื้นที่เป้าหมายอื่นในแบบเดียวกัน
3. นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพมาใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงาน เช่น เครื่องบินแบบใหม่ที่เหมาะสม การนำอากาศยานไร้นักบินมาใช้ในการทำฝน การตรวจสภาพอากาศซึ่งจะสามารถลดต้นทุนได้ การคิดค้นวิธีการโปรยสารแบบอัตโนมัติแทนใช้คนโปรย ปรับเครื่องมือ และวิธีการบดสารฝนหลวง เป็นต้น
4.สารฝนหลวง ควรมีการปรับวิธีการจัดเก็บสารฝนหลวงให้คงสภาพ คงคุณสมบัติได้นานที่สุด เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งาน

5.การใช้เครื่องบินให้เกิดประโยชน์ และคุ้มค่ามากที่สุด
6.ขยายเครือข่ายอาสาฝนหลวง ขยายการรับรู้ การมีส่วนร่วมระหว่างหน่วยงานและเกษตรกรให้ได้มากที่สุด
7.ให้ความสำคัญด้านการบริหารงานบุคคล ควรมีการวิเคราะห์และทำแผนปรับปรุงโครงสร้าง/กรอบอัตรากำลังให้เหมาะสม
8.ให้ความสำคัญด้านโครงสร้างพื้นฐานอาคาร เช่น โรงเก็บและซ่อมเครื่องบิน โรงเก็บสาร สนามบินบ้านพัก และครุภัณฑ์ที่จำเป็น เพื่อความคล่องตัวในการบริหาร การปฏิบัติการและยกระดับคุณภาพชีวิตของข้าราชการ ต้องมีการจัดทำแผนระยะสั้นระยะยาว