กรมการค้าต่างประเทศ เผยตัวเลขส่งออกข้าวไทย มกราคม 2566 มีปริมาณ 805,518 ตัน ขยายตัว 75.20% มูลค่าการส่งออก 14,277.39 ล้านบาท ขยายตัว 78.76% พร้อมลุยพาผู้ประกอบการออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศเพื่อเป้าส่งออกข้าวโต 7.5 ล้านตันในปี 2566 นี้
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวไทยเดือนมกราคม 2566 มีปริมาณ 805,518 ตัน ขยายตัว 75.20% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 459,773 ตัน
ขณะที่ มูลค่าการส่งออก 14,277.39 ล้านบาท ขยายตัว 78.76% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน 7,956 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการส่งมอบต่อเนื่องจากช่วงปลายปี ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาก่อนหน้านี้ ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ส่งผลต่อรายได้ที่เข้ามา
นอกจากนี้ ยังมาจากอินโดนีเซีย บังกลาเทศ และอิรัก ที่มีการนำเข้าข้าวไทยเพิ่มขึ้น รวมไปถึงกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางที่ไทยส่งออกได้มากขึ้นเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา จากปี 2564 ส่งออกได้ 630,000 ตัน ปี2565 ส่งออกได้ 2.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 26%
และในปี 2566 นี้ก็เชื่อว่าการส่งออกข้าวไทยในตลาดดังกล่าวนี้ยังคงเติบโตได้ ส่วนการส่งออกข้าวไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ยังต้องติดตามอัตราแลกเปลี่ยนที่มีผลต่อการแข่งขันส่งออกข้าวไทย
“ราคาข้าวไทย FOB ตอนนี้ข้าวขาว 5% อยู่ที่ 470 เหรียญสหรัฐต่อตัน เวียดนาม 465 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปากีสถาน 490 เหรียญสหรัฐต่อตัน และอินเดีย 435 เหรียญสหรัฐต่อตัน ข้าวหอมมะลิไทย 825 เหรียญสหรัฐต่อตัน ข้าวหอมเวียดนาม 560 เหรียญสหรัฐต่อตัน อินเดีย 1,250 เหรียญสหรัฐต่อตัน ข้าวนึ่งไทย 475 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปากีสถาน 515 เหรียญสหรัฐต่อตัน และอินเดีย 385 เหรียญสหรัฐต่อตัน”
อย่างไรก็ดี การส่งออกข้าวไทยยังมีโอกาสที่จะขยายตัว ส่วนเป้าหมายการส่งออกทั้งปี 2566 อยู่ที่ 7.5 ล้านตัน ขณะที่ตลาดที่ไทยจะทำตลาดก็ยังอยู่ในกลุ่มตะวันออกกลาง ตลาดเดิมก็ยังคงทำตลาดต่อเนื่อง ตอนนี้ก็มีญี่ปุ่น ที่จะเปิดประมูลข้าวขาว ไทยก็พร้อมที่จะเข้าร่วม
รวมไปถึงเกาหลีใต้ ในข้าวกล้อง ส่วนข้าวอินทรีย์ของไทย ก็ยังคงมีความสนใจ เห็นจากการออกไปร่วมแสดงสินค้าข้าวอินทรีย์ไทยในต่างประเทศ ตลาดสำคัญก็ยังอยู่สหรัฐ ยุโรป เป็นต้น
นายรณรงค์กล่าวว่า จากนี้กรมพร้อมที่จะนำสินค้าข้าวไทยและผลิตภันฑ์จากข้าวไทย ออกงานแสดงสินค้าต่อเนื่อง ซึ่งเร็วนี้จะไปจีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และก่อนหน้านี้ กรมก็นำผู้ประกอบการไทยออกไปร่วมแสดงสินค้าที่ งาน BIOFACH 2023 ระหว่างวันที่ 14-17 กุมภาพันธ์ 2566 ณ เมืองนูเรมเบิร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
ซึ่งถือเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเกษตรอินทรีย์ที่สำคัญและใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของโลก ซึ่งในแต่ละปีมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 36,000 ราย และมีผู้ประกอบการเข้าร่วมจัดแสดงสินค้ากว่า 2,700 ราย จากกว่า 130 ประเทศทั่วโลก
สินค้าไทยที่ไปร่วมงาน เช่น สินค้าข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ อาทิ ข้าวหอมมะลิไทยอินทรีย์ ข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ แป้งข้าวอินทรีย์ เครื่องดื่มจากข้าวอินทรีย์ และขนมอบกรอบที่ทำจากข้าวอินทรีย์ เป็นต้น รวมทั้งจัดให้มีการเจรจาธุรกิจ โดยคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าคำสั่งซื้อข้าวอินทรีย์ไทยกว่า 14 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ไทยอีกกว่า 10 ล้านบาท
และยังร่วมงาน Gulfood 2023 ระหว่างวันที่ 20-24 กุมภาพันธ์ 2566 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 100,000 ราย และมีผู้ประกอบการเข้าร่วมจัดแสดงสินค้ากว่า 5,000 ราย จาก 125 ประเทศทั่วโลก กรมนำผู้ประกอบการค้าข้าวไทยจำนวน 14 ราย เข้าร่วม
นอกจากนี้ ยังได้นำผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย กว่า 50 รายการ จาก 33 บริษัท เข้าร่วมอีกด้วย โดยจากการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เชื่อว่าการส่งออกข้าวไทยโตได้ตามเป้าหมาย