เจรจาส่งออกไข่ไก่สดไปไต้หวันสำเร็จ

ส่งออกไข่ไก่

อธิบดีกรมปศุสัตว์เผยข่าวดี เจรจาไต้หวันสำเร็จ สามารถเปิดตลาดส่งออกไข่ไก่สดไปไต้หวัดสำเร็จ ย้ำหลายประเทศมั่นใจในมาตรฐานการผลิต คุณภาพ และความปลอดภัยทางอาหารของไทย เตรียมเปิดเจรจาเพิ่ม สร้างตลาดใหม่ ส่งผลดีต่อการรักษาสมดุลระหว่างการผลิตและการบริโภค สร้างเสถียรภาพด้านราคาที่เกษตรกรจำหน่ายได้

วันที่ 13 มีนาคม 2566 นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานในการหารือร่วมกับผู้แทนสำนักงานการค้าและวัฒนธรรมไต้หวันประจำประเทศไทย และผู้แทนสำนักตรวจสอบและกักกันพืชและสัตว์ แห่งไต้หวัน (BAPHIQ) พร้อมคณะ เพื่อกำหนดแนวทางการเปิดตลาดไข่สดไปยังไต้หวัน โดยพิจารณาเงื่อนไขการส่งออก รูปแบบของหนังสือรับรอง ตลอดจนวิธีการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเห็นชอบร่วมกันและนำไปสู่การที่ไต้หวันอนุมัติให้มีการนำเข้าไข่ไก่สดจากประเทศไทยเป็นครั้งแรกสำเร็จ

นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์

การเจรจาเปิดตลาดนี้ เป็นไปตามนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกอย่างปลอดภัยและยั่งยืนของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ขับเคลื่อนปฏิรูประบบอาหารและเกษตรสู่ความยั่งยืน สร้างความเชื่อมั่นสินค้าเกษตรและอาหารไทย โดยมอบหมายให้กรมปศุสัตว์กำกับ ควบคุม ดูแลการผลิตสินค้าปศุสัตว์ตลอดห่วงโซ่การผลิต ให้ได้คุณภาพมาตรฐาน เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคด้านความปลอดภัยอาหาร

ตั้งแต่แหล่งที่มาของสัตว์จากฟาร์ม มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices : GAP)โรงฆ่าและโรงแปรรูปที่มีการปฏิบัติทางสุขลักษณะที่ดี (Good Hygiene Practices : GHPs) และระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (Hazard Analysis and Critical Control Points : HACCP) สอดคล้องตามข้อกำหนดของกฎหมายในประเทศ ตามระเบียบของประเทศคู่ค้าและตามหลักสากล

“การที่ไต้หวันเลือกนำเข้าไข่สดจากไทยเป็นครั้งแรก นับเป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ของประเทศไทยที่จะสามารถมีตลาดใหม่ ๆ เพิ่มเติมจากเดิมที่ส่งออกไปยังฮ่องกงและสิงคโปร์เป็นหลัก ในปี 2565 สามารถส่งออกไข่ไก่ได้ 282 ล้านฟอง มูลค่า 1,238 ล้านบาท ยอดการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านประสบปัญหาการขาดแคลนไข่ไก่สด เพราะการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก อีกทั้งต้นทุนการผลิตยังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่ประเทศไทย”

โดยกรมปศุสัตว์ มีมาตรการป้องกันโรคไข้หวัดนกอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ไม่มีการแพร่ระบาดไข้หวัดนกในประเทศไทยมากกว่า 15 ปี ซึ่งเป็นจุดแข็งของอุตสาหกรรมสัตว์ปีกและไข่ที่สามารถผลิตได้อย่างมีคุณภาพ ปลอดภัย และเป็นที่เชื่อมั่นของประเทศคู่ค้า

ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการเปิดตลาดของไข่สดอีกหลายประเทศ เป็นการสร้างตลาดส่งออกใหม่ จะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถรักษาระดับการผลิตและการบริโภคให้ใกล้เคียงภาวะสมดุล