เปิดโมเดล ซี.พี.-ซีพีเอฟ ดึงเทคโนโลยีช่วยจัดหาข้าวโพด ลดฝุ่น PM 2.5

ซีพี - ซีพีเอฟ

ซี.พี.-ซีพีเอฟ ชูโมเดลจัดหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับ จากแหล่งปลูกที่ไม่รุกป่า และไม่เผา 100% ลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 พร้อมหนุนเกษตรกรผลิตข้าวโพดยั่งยืน สุดล้ำดึงเทคโนโลยีบล็อกเชนรับซื้อข้าวโพด เปิดแอป ฟ ฟาร์ม ลงทะเบียนเกษตรกร

วันที่ 11 เมษายน 2566 นายไพศาล เครือวงศ์วานิช ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ในฐานะเป็นผู้จัดหาสินค้าเกษตรที่เป็นวัตถุดิบหลักทางการเกษตรของเครือ ซี.พี. กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ (Feed Ingredients Trading Business Group : FIT) เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ

นำ​เทคโนโลยี​ระบบตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งเพาะปลูก​ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (Corn Traceability) สอดคล้องกับมาตรฐานสากลมาใช้ สร้างหลักประกัน​การจัดหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปราศจากการบุกรุกป่าและไม่เผา ซึ่งดำเนินการอย่างเป็นระบบ และประสบความสำเร็จอย่างดีในประเทศไทย

และยังได้ส่งเสริมประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีการเพาะปลูกข้าวโพดจำนวนมาก นำระบบดังกล่าวไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ​ เช่น เมียนมา สปป.ลาว และเวียดนาม

ทั้งนี้ ซี.พี.และซีพีเอฟให้ความสำคัญกับการสร้างห่วงโซ่การผลิตอาหารที่ยั่งยืน และสนับสนุนการแก้ปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดน โดยมุ่งมั่นจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งปลูกที่ปราศจากการบุกรุกพื้นที่ป่าอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทาง “ไม่เขา ไม่เผา เราซื้อ” ตลอดจนได้พัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (Corn Traceability) ซึ่งนำมาใช้ในกิจการประเทศไทยตั้งแต่ปี 2560 และสามารถตรวจสอบถึงแหล่งปลูกที่มีเอกสารสิทธิได้ 100%

กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ร่วมกับ ซี.พี. เมียนมา ซึ่ง​เป็น​บริษัทในเครือซี.พี. ได้นำระบบตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไปใช้ในการรับซื้อผลผลิตข้าวโพดในเขตประเทศเมียนมาตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ปัจจุบันข้าวโพดที่บริษัทจัดหาในเมียนมาทั้งหมด ได้รับการตรวจสอบย้อนกลับว่าได้มาจากพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิถูกต้อง

ADVERTISMENT

โดยเกษตรกรร่วมลงทะเบียนเอกสารสิทธิที่ถูกต้อง พร้อมพิกัดดาวเทียมจีพีเอสของพื้นที่มาใช้เพื่อยืนยัน​ว่าเป็นข้าวโพดที่มีแหล่งที่มา ไม่บุกรุกพื้นที่ป่าได้ 100%

“ความมุ่งมั่นในการจัดหาวัตถุดิบหลักทางการเกษตรด้วยความรับผิดชอบ ตามนโยบายการจัดหายั่งยืนของซีพีเอฟ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคตลอดห่วงโซ่อุปทานอาหาร และยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรเพาะปลูกบนพื้นที่ปลูกถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมทั้งส่งเสริมคู่ค้าธุรกิจ มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และดูแลผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ และร่วมจัดการปัญหาหมอกควันอย่างยั่งยืน” นายไพศาลกล่าว

ADVERTISMENT

สำหรับการจัดหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้กับโรงงานอาหารสัตว์ในประเทศไทย เกษตรกรสามารถลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชั่น ฟ ฟาร์ม (For Farm) พร้อมยังยกระดับความเชื่อมั่นในระบบตรวจสอบย้อนกลับ

โดยนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Traceability) ที่เพิ่มความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในระบบตรวจสอบย้อนกลับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในกิจการประเทศไทยที่เชื่อมโยงตั้งแต่แปลงเพาะปลูกถึงโรงงานอาหารสัตว์ เป็นหลักการที่บริษัทปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด ตลอดจนสอดคลัองกับนโยบายการค้าโลกในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ขณะเดียวกัน บริษัทยังพัฒนาศักยภาพเกษตรกรผู้ปลูก เพื่อสร้างห่วงโซ่การผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมถึงแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ยั่งยืน โดยริเริ่มจัดทำโครงการ “เกษตรกรพึ่งตน ข้าวโพดยั่งยืน” ตั้งแต่ปี 2559 เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เกษตรกรที่เพาะปลูกในพื้นที่มีเอกสารสิทธิถูกต้องในประเทศไทย

เพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีแนวปฏิบัติในการเพาะปลูกที่ปลอดการเผา และตั้งจุดรับซื้อพิเศษที่ใกล้กับพื้นที่ปลูกของเกษตรกร เพื่อลดจำนวนเที่ยวรถขนส่งข้าวโพดไปโรงงาน และฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นจากการขนส่งผลผลิต พร้อมทั้งลงพื้นที่ถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกร

นอกจากนี้ บริษัทได้นำระบบถ่ายภาพทางดาวเทียมช่วยวิเคราะห์จุดที่ยังมีการเผาหลังเก็บเกี่ยวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทลงไปแนะนำเกษตรกรลด ละ เลิกการเผาตอซัง เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละอองจากการเพาะปลูกที่ยั่งยืน

พร้อมยังอำนวยความสะดวกให้เกษตรกรเข้าถึงความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ และแอปพลิเคชั่น ฟ ฟาร์ม สอดคล้องตามที่บริษัทได้ประกาศนโยบายการจัดหาอย่างยั่งยืน และความมุ่งมั่นต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่า และปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อสร้างห่วงโซ่ผลิตอาหารที่ยั่งยืน และยกระดับความเชื่อมั่นของคู่ค้าและผู้บริโภคทั่วโลก