ปลัดพาณิชย์มอบนโยบายทูตพาณิชย์-พาณิชย์จังหวัด ดันส่งออกโตตามเป้า 1-2%

ส่งออก
Photo : Pixabay

“ปลัดพาณิชย์” มอบนโยบายทูตพาณิชย์-พาณิชย์จังหวัด พร้อมภาคเอกชน ประเมินสถานการณ์ ทิศทางการส่งออกช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมแผนขับเคลื่อนการส่งออก ยังคงเป้าหมายการทำงานที่ตั้งไว้ที่ 1-2% เตรียมลุย 350 กิจกรรม คาดสร้างรายได้เข้าประเทศเกือบ 2 หมื่นล้านบาท

วันที่ 25 พฤษภาคม 2566 นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) 58 สำนักงานทั่วโลก ว่าผลการประชุมประเมินสถานการณ์และจัดทำแผนผลักดันการส่งออกครึ่งปีหลัง 2566 ร่วมกับภาคเอกชน ได้ข้อสรุปแผน 7 ภูมิภาค พร้อมกิจกรรมรวมทั้งสิ้น 350 กิจกรรม ซึ่งคาดการณ์ว่าจะช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศรวมกว่า 550 ล้านเหรีญสหรัฐ หรือประมาณ 19,400 ล้านบาท

โดยมีการกำหนดเป้าส่งออกแต่ละภูมิภาคพร้อมมูลค่าคาดการณ์ ประกอบด้วย ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา เป้า +20% คิดเป็นมูลค่า 5,380 ล้านบาท เอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย เป้า +2.2% คิดเป็นมูลค่า 4,163 ล้านบาท จีนและฮ่องกง แบ่งเป็นเป้าจีน +1% และเป้าฮ่องกง +2% คิดเป็นมูลค่ารวม 3,238 ล้านบาท

กีรติ รัชโน
กีรติ รัชโน

ยุโรป เป้า +1% คิดเป็นมูลค่า 2,450 ล้านบาท อเมริกา แบ่งเป็น เป้าอเมริกาเหนือ +4.5% และเป้าละตินอเมริกา +4% คิดเป็นมูลค่ารวม 2,380 ล้านบาท เอเชียใต้ เป้า +10% คิดเป็นมูลค่า 980 ล้านบาท อาเซียน เป้า+6.6% คิดเป็นมูลค่า 808 ล้านบาท

โดยกระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าเปิดตลาดใหม่ รักษาตลาดเดิม และฟื้นฟูตลาดเก่า ด้วยกลยุทธ์สำคัญ อาทิ การเร่งจัดคณะผู้แทนการค้าเพื่อขยายตลาดศักยภาพ การส่งเสริมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน การจับคู่เจรจาธุรกิจทั้งออฟไลน์และออนไลน์ การผลักดันการส่งออกสินค้า BCG และสินค้านวัตกรรมใหม่ การส่งเสริมธุรกิจบริการมูลค่าสูง โดยเฉพาะดิจิทัลคอนเทนต์ HORECA ร้านอาหาร Thai Select และการปูพรมเจาะตลาดเมืองรอง โดยเฉพาะในอาเซียน สหรัฐ และยุโรป

นายกีรติกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จะเชื่อมโยงการทำงานระหว่างทูตพาณิชย์กับพาณิชย์จังหวัด ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจฐานรากโดยเฉพาะ SMEs ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เนื่องจากทูตพาณิชย์ และพาณิชย์จังหวัดต่างมีจุดแข็ง ของการเป็นคนในพื้นที่ โดยทูตพาณิชย์ในฝั่งตลาด และพาณิชย์จังหวัดอยู่ใกล้ชิดผู้ประกอบการ การทำงานร่วมกันเป็นทีมการตลาดของประเทศ จะเป็นการเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน ในการผลักดันสินค้าท้องถิ่นของไทยที่มีอัตลักษณ์ มีนวัตกรรม และมีกระบวนการการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ออกสู่ตลาดต่างประเทศให้ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ตามแนวทางตลาดนำการผลิต

“ผลจากการเตรียมความพร้อมรับมือการส่งออกร่วมกับภาคเอกชนตั้งแต่ปลายปี 2565 เพื่อผลักดันการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรก และการเตรียมแผนที่จะขับเคลื่อนในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ร่วมกับทูตพาณิชย์และภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ทั้งการจัดประชุมรายภูมิภาค การจัดประชุมเป็นรายกลุ่มสินค้าร่วมกันหลายครั้งก่อนการประชุมในวันนี้ ทำให้ได้แผนงานและกลยุทธ์ในการผลักดันการส่งออกครึ่งปีหลัง 2566 ออกมาแล้ว และมั่นใจว่าการขับเคลื่อนแผนงานดังกล่าวจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนให้การส่งออกของไทยในปีนี้ที่ตั้งร่วมกันไว้ที่ 1-2% จะเป็นไปได้”

อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการหารือกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ตั้งแต่ปลายปี 2565 เพื่อเตรียมการผลักดันการส่งออกในปีนี้ เนื่องจากคาดการณ์ว่าตัวเลขจะติดลบ จากแนวโน้มปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ที่กดดัน

ซึ่งจากการหารือภายใต้กลไก กรอ. พาณิชย์ได้เห็นชอบร่วมกันที่จะต้องมีการจัดทำแผนรองรับ และกำหนดตลาดเป้าหมาย 4 ตลาดคือ ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ CLMV และจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีศักยภาพท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยได้มีการตั้งคณะทำงาน War Room เร่งรัดการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าว เพื่อลงลึกในรายละเอียดของแผนงาน

โดยผลการดำเนินการภายใต้คณะทำงาน War Room ได้แก่ การจัดคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน เดินทางเยือนตลาดเป้าหมายจำนวน 3 คณะ โดยคณะแรก เป็นการเดินทางเยือน ยูเออี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 นำโดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้มีการพบหารือกับรัฐมนตรีแห่งรัฐประจำกระทรวงเศรษฐกิจของยูเอเอี ที่รับผิดชอบด้านการค้าต่างประเทศ เรื่องการจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (CEPA) ไทย-ยูเออี

นอกจากนี้ ภาคเอกชนทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการลงนามจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-ยูเออี เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการค้าระหว่างกัน รวมถึงลงนามความร่วมมือด้านโลจิสติกส์กับ DP World ของยูเออี คณะที่ 2 เยือนมณฑลยูนนาน เมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งได้พบหารือผู้บริหารระดับสูงภาครัฐมณฑลยูนนานและนครคุนหมิงของจีน

รวมถึงลงพื้นที่สำรวจด่านโมฮาน ทั้งด่านบกและด่านรถไฟ พร้อมหารือหน่วยงานท้องถิ่นของจีน เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับฤดูผลไม้ของไทย และคณะที่ 3 เยือนเวียดนาม ในเดือนเมษายน ซึ่งได้พบผู้บริหารระดับสูงภาครัฐของเวียดนาม ณ กรุงฮานอย หารือการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าไทยข้ามแดนเวียดนามสู่จีนตอนใต้ รวมถึงลงพื้นที่สำรวจเส้นทางขนส่งสินค้าผลไม้ ณ จังหวัดลางเซินด้วย

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้มีการเตรียมความพร้อมกับภาคเอกชนเพื่อเตรียมการผลักดันการส่งออกในครึ่งปีหลัง 2566 โดยทูตพาณิชย์ได้มีการทำการบ้านกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด มีการจัดประชุมรายภูมิภาคร่วมกันหลายครั้งก่อนการประชุมในวันนี้ เพื่อให้ได้แผนงานและกลยุทธ์ในการผลักดันการส่งออก ครึ่งปีหลัง 2566 ให้สามารถบรรลุเป้าส่งออกปี 2566 ทั้งปี ที่ตั้งร่วมกันที่ 1-2%