
ม.หอการค้าไทยเผยผลสำรวจวันแม่ปี 2566 คาดเงินสะพัด 10,632 ล้านบาท ลดลง 2.3% เหตุคนใช้จ่ายระวังมากขึ้น รวมไปถึงเพิ่งผ่านช่วงหยุดยาว 6 วัน
วันที่ 8 สิงหาคม 2566 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในช่วงวันแม่ 12 สิงหาคม 2566 คาดว่าเม็ดเงินจะสะพัด 10,632 ล้านบาท โดยปรับลดลง 2.3% ซึ่งเป็นการลดลงเป็นครั้งที่ 2 ตั้งแต่เริ่มสำรวจในปี 2552 โดยครั้งแรกเมื่อช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 เงินสะพัด 9,984 ล้านบาท ลดลง 28.0% ขณะที่ในช่วงปี 2565 เงินสะพัด 10,883 ล้านบาท ขยายตัว 9%
ดังนั้น เงินสะพัดที่ลดลงเป็นผลมาจากประชาชนมีความระมัดระวังการจับจ่ายมากขึ้น และเกิดจากเพิ่งผ่านช่วงวันหยุดยาว 6 วัน ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายในวันแม่ปีนี้ ยังคึกคักใกล้เคียงกับปีก่อน
สำหรับผลสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนเกี่ยวกับวันแม่ โดยสำรวจระหว่างวันที่ 2-5 สิงหาคม 2566 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,250 คนทั่วประเทศ
นายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 60.9% ตอบว่าจะไปพบแม่ในช่วงวันแม่ ขณะที่อีก 39.1% ตอบว่าไม่ได้ไป แผนการทำกิจกรรมในช่วงวันแม่ปีนี้ ส่วนใหญ่จะพาแม่ไปทานข้าว รองลงมา ทำกิจกรรมร่วมกัน และพาแม่ไปทำบุญ พาแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัด (ค้างคืน) พาแม่ไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เป็นต้น
ส่วนของขวัญยอดนิยมที่ตั้งใจจะซื้อให้ในวันแม่ พบว่า อันดับ 1 คือ พวงมาลัย-ดอกไม้ อันดับ 2 ให้เงินสด-ทองคำ อันดับ 3 เครื่องนุ่งห่ม-รองเท้า อันดับ 4 เครื่องดื่มบำรุงร่างกาย อันดับ 5 เครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนการวางแผนพาแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัด ในช่วงวันหยุด 12-14 ส.ค.นี้ พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 84.8% ตอบว่าไม่พาไป และอีก 15.2% ตอบว่าพาไป โดยจังหวัดที่ได้รับความนิยม ได้แก่ นครราชสีมา, ขอนแก่น, ราชบุรี, ชลบุรี, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, สุราษฎร์ธานี และตราด เป็นต้น
สำหรับงบประมาณการใช้จ่ายในช่วงวันแม่ปี 2566 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 42.7% ตอบว่างบประมาณไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อน ขณะที่กลุ่มตัวอย่าง 36.8% ตอบว่า งบประมาณลดลง เนื่องจากต้องประหยัดมากขึ้น มีภาระเพิ่มขึ้น เป็นหนี้มากขึ้น และเศรษฐกิจยังไม่ดี ส่วนกลุ่มตัวอย่างอีก 20.6% ตอบว่ามีงบประมาณใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นวันพิเศษ, คาดว่าเศรษฐกิจกำลังจะดีขึ้น และมีรายได้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี คาดว่าช่วงวันแม่ปี 2566 นี้ จะมีเม็ดเงินสะพัดราว 10,632 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 2.3% จากปี 2565 โดยในจำนวนนี้ แยกเป็นเม็ดเงินที่เป็นค่าใช้จ่ายในการพาแม่เที่ยว 740 ล้านบาท และเป็นค่าใช้จ่ายในกิจกรรมอื่น ๆ ราว 9,800 ล้านบาท